รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมสรรพสามิตเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 ให้ รมว.คลัง คนใหม่พิจารณาและเห็นชอบ ก่อนเข้าสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมาย เพื่อกำหนดให้บารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า เข้ามาอยู่ในข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ยาสูบ เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 2 ส่วนไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน ทำให้กรมฯ ไม่สามารถควบคุมได้ตั้งแต่ต้นทาง โดยเฉพาะสินค้าดังกล่าวจะมีโทษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าบุหรี่ทั่วไปถึง 6 เท่า ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมาย จะระบุและจัดแยกประเภทของบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า ถึงสัดส่วน ปริมาณ และการครอบครอง รวมถึงบทลงโทษให้มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการพิจารณาจัดเก็บภาษีนั้น คงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ รมว.คลังคนใหม่ว่าจะให้สินค้าดังกล่าวเข้ามาอยู่ในการจัดเก็บหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมากรมสรรพสามิตไม่ได้จัดเก็บภาษี แต่จะเป็นการเข้าไปตรวจจับตามสถานบันเทิง เพราะเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายซึ่ง ไม่ได้รับการอนุญาตจำหน่าย “ที่ผ่านมาสินค้าประเภทบารากุ และบุหรี่ไฟฟ้า ลักลอบเข้ามาเป็นจำนวนมาก และเป็นไปอย่างแพร่หลายตามแหล่งสถานบันเทิง และหมู่วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา แต่ไม่อยู่ในข่ายของพ.ร.บ.ยาสูบ ซึ่งเป็นเพียงการกระทำผิดกฎหมายการนำเข้าของกรมศุลกากรเท่านั้น โดยที่ผ่านมากรมฯ ได้สั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสถานบันเทิงที่ใช้ข้อกฎหมายจากใบอนุญาตประกอบสถานบันเทิงเท่านั้น ทำให้การดำเนินงานไม่มีบทลงโทษและครอบคลุมที่ชัดเจน” ขณะเดียวกัน หลังจากเจ้าหน้าที่กรมฯ ได้เข้มงวด โดยการเข้าดำเนินตรวจสอบสถานบันเทิง พบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่จงใจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจำนวนมาก ซึ่งบางร้านจะนำตัวยาบารากู่ไปหลบซ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบ รวมทั้ง บางสถานที่จะใช้วิธีโดยการนำก้อนหินชุบกับน้ำยาบารากู่แทน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจยึดได้ เพราะไม่มีกฎหมายเข้ามารองรับ น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ (รยส.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ศึกษาและทำแผนยุทธ์ศาสตร์เกี่ยวกับการตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 58 เพื่อเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการ รยส. ที่มี พล.อ.วิลาศอรุณศรี เป็นประธานพิจารณา เนื่องจากที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการ มีความเห็นว่า รยส.จะต้องเพิ่มสัดส่วนตลาดยาสูบ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปเปิดตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องที่ รยส.ต้องจัดแผนยุทธ์ศาสตร์เกี่ยวกับการตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ เพราะต้องแข่งขันกันกับบุหรี่มวนเองต่างท้องถิ่น รวมทั้ง คณะกรรมการชุดก่อนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเท่าที่ควร เบื้องต้นคาดว่ายุทธ์ศาสตร์จะศึกษาในแต่ละประเทศว่ามีความต้องการยาสูบอย่างไรบ้าง และเตรียมที่จะทำยาสูบที่เป็นผลิตภัณฑ์เดิมของ รยส.ให้เป็นระดับพรีเมี่ยม และผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของยาสูบในปีนี้ พบว่ามียอดขายปรับลดลงทั้งอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองช่วงปลายปี 56 และครึ่งปีแรก 57 ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้ใช้จ่ายในส่วนนี้มากนัก ขณะนี้ การปรับเปลี่ยนคำเตือนหน้าซองจาก 55% เป็น 85% ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อออเดอร์ ซึ่งต้องรอดูภายหลังวันที่ 23 ก.ย.นี้ ที่คำสั่งประกาศอย่างเป็นทางการ ถึงจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะส่งปลกระทบหรือไม่ โดยปัจจุบัน รยส.ได้ระบายยาสูบชุดเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการผลิตก็สามารถดำเนินการได้ปรกติ เพราะเปลี่ยนเพียงหน้าซองเท่านั้น  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ล้อมคอกบารากู่-บุหรี่ไฟฟ้า

Posts related