shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ราคาทองคำ 28 ต.ค. 56 ปรับครั้งที่ 1 ขึ้น 50 บาท

วันที่ 28 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.23 น. เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศครั้งที่ 1 ขึ้น 50 บาท ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ รูปพรรณขายบาทละ 20,300 บาท รับซื้อ 19,510.92 บาท ทองแท่งขาย 19,900 บาท รับซื้อ 19,800 บาท ราคาทองคำและครั้งที่ปรับ ราคาทองคำปรับครั้งที่ 1 ขึ้น 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 20,300 บาท รับซื้อ 19,510.92 บาท ทองแท่งขาย 19,900 บาท รับซื้อ 19,800 บาท เวลา 09.23 น.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ราคาทองคำ 28 ต.ค. 56 ปรับครั้งที่ 1 ขึ้น 50 บาท

Posts related

 














สคบ.เตรียมแจ้งผลทดสอบรถเชฟโรเลต

นายไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สคบ.เตรียมสรุปผลการทดสอบรถยนต์เชฟโรเลตรุ่น ครูซและแคปติวา จำนวน 12 คัน ที่ได้ทำการขับทดสอบ เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ หลังจากที่ผ่านมามีผู้บริโภคหลายรายร้องเรียนมาที่สคบ. และร้องเรียนผ่านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ว่า พบความบกพร่องเกี่ยวกับระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบเกียร์และเครื่องยนต์ที่ผิดปรกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคขณะขับขี่ได้ ทั้งนี้ในการทดสอบดังกล่าว ทางคณะทำงานสืบข้อเท็จจริงของสคบ. ได้ให้บริษัท เชฟโรเลต เชลส์ (ประเทศไทย) นำรถที่เป็นกรณีร้องเรียนเข้ารับการตรวจสอบ โดยทำการขับทดสอบในช่วงระหว่างวันที่ 14-18 ต.ค.ที่ผ่านมา บริเวณสนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี ตามลักษณะและรูปแบบที่จำลองมาจากการใช้งานจริง ที่ได้รับการร้องเรียน เช่น เรื่องของระบบเกียร์ ระบบส่งกำลัง ทั้งในแบบวิ่งทางราบ ขึ้นเนิน การเข้าโค้ง รวมถึงการชะลอความเร็วเพื่อจอดให้เหมือนในสภาพรถติด โดยจะดาวน์โหลดข้อมูลของรถแต่ละคันในทุกๆ 45 นาที เพื่อนำมาวิเคราะห์และประมวลผล เพื่อให้ได้ผลการทดสอบที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทดสอบทั้งหมดทางบริษัท เชฟโรเลตฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด “ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอให้ผลออกมาก่อน แต่เบื้องต้นทางบริษัทฯ เชฟโรเลตฯ พร้อมรับผิดชอบหากพบว่า บกพร่องจริง ซึ่งกรณีดังกล่าวสคบ.เองก็อยากให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมให้มากที่สุด” สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พร้อมด้วยผู้บริโภคที่เดือดร้อนจากการซื้อรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ จำนวน 25 ราย ได้เข้ายื่นหนังสือกับสคบ. เพื่อขอให้ สคบ.ช่วยเหลือ และขอให้ทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าตามกฎหมายของสคบ. ที่สงสัยว่า อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งหากพบว่า บกพร่องจริงก็ขอให้สคบ.มีคำสั่งให้บริษัท เชฟโรเลตฯ ซื้อรถยนต์คืนจากผู้บริโภคทันที โดยภายหลังการยื่นหนังสือ บริษัทฯ ได้เสนอขอแก้ไขปัญหาและเจรจากับผู้ร้อง แต่ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ทั้งหมด จึงสคบ.ตั้งคณะทำงานเป็นทีมสืบค้นข้อเท็จจริงเอง และสั่งให้บริษัท เชฟฯ ทำการทดสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริง  โดยปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียน คือ ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยพบว่า รถคันเร่งค้าง เครื่องเร่งเองโดยไม่ได้เหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าเอง ในขณะจอดติดเครื่องยนต์ความเร็วรอบเครื่องเพิ่มขึ้นเองมากถึง 5,000 รอบต่อนาทีโดยอัตโนมัติ จนไม่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ และพบเรื่องของเกียร์อัตโนมัติทำงานผิดปกติ เช่น มีอาการกระตุกรุนแรงในขณะเปลี่ยนเกียร์ มีการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงเป็นเกียร์ 1 เองโดยที่รถยังวิ่งด้วยความเร็วสูง และระบบเกียร์ล็อกลำดับเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยน โดยล็อกอยู่ที่เกียร์เดิมตลอดเวลา รวมทั้งยังมีปัญหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เช่น แอร์มีเสียงดังเมื่อเปิดใช้งาน เบรกมีเสียงดังเมื่อถอยรถ เป็นต้น และสุดท้ายคือปัญหาศูนย์บริการ และคอลเซนเตอร์ 1734ด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สคบ.เตรียมแจ้งผลทดสอบรถเชฟโรเลต

ใช้‘ฟรีวีซ่า’กระตุ้นท่องเที่ยวเปิดช่องโหว่…โรบินฮู้ดไทย

นับเป็นข่าวดี…ของนักท่องเที่ยวไทย ที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” หรือการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวไทย เป็นเวลา 15 วัน เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 56 ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของญี่ปุ่นเอง และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ผลของการใช้นโยบายฟรีวีซ่าของญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 100% ทีเดียวและคาดกันว่าเมื่อถึงสิ้นปี 56 จะมีนักท่องเที่ยวไทยแตะ 5 แสนคนทีเดียว! ซึ่งถือเป็นตัวเลขมากเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่สำคัญ…ใช่จะมีแต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า มีบุคคลและกลุ่มคนจำนวนมาก ได้ใช้โอกาส…ครั้งนี้แอบแฝงเข้าไปลักลอบอยู่เกินเวลาที่รัฐบาลกำหนด และแอบลักลอบไปทำมาหากินที่ญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันดีในนาม “โรบินฮู้ด” มากถึง 200 คนทีเดียว จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่อาจทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยในอนาคตก็เป็นไปได้ สถานการณ์ “โรบินฮู้ดไทย” ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นนี้ ถือว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศ “นิวซีแลนด์” ที่แรงงานเหล่านี้ได้อาศัยช่องโหว่ของนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ที่รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์ให้กับคนไทย แอบลักลอบเข้าไปทำมาหากินอยู่ในนิวซีแลนด์ เช่นกัน ส่งผลให้นิวซีแลนด์ต้องยกเลิกฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวไทย เรื่องนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง! เพราะเท่ากับกระทบกับภาพลักษณ์ของไทยโดยตรงที่อาจซ้ำรอยประวัติ ศาสตร์ซ้ำ จนกลายเป็นที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของต่างประเทศอีกต่อไป… นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานตัวเลขคนไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นทั้งแบบเสียค่าวีซ่าท่องเที่ยวและไม่เสียค่าวีซ่า และไม่กลับมาภายในเวลาที่กำหนดแต่อยู่เพื่อทำจุดประสงค์อื่นต่อ ในช่วง 8 เดือนของปี 56 (ม.ค.-ส.ค.) พบว่ามีจำนวนมากถึง 3,518 คน นั่นแสดงให้เห็นว่าก่อนที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้มาตรการ เปิดฟรีวีซ่า จำนวนโรบินฮู้ดไทยก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว สิ่งที่ต้องระวัง! จากนี้ไป คือ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต้องออกมาตรการ และกวดขันเรื่องกฎหมายแรงงานให้มากขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ต้องออกโรงชี้แจง และทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวไทยให้ดี ว่านโยบาย “ฟรีวีซ่า” ของญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ใช่การให้เข้าไปทำงาน ไม่เช่นนั้นปัญหานี้จะทำให้เกิดการหมักหมมและอาจเพิ่มพูนมากขึ้นเป็นทวีคูณจนซ้ำรอยกับกรณีของ “นิวซีแลนด์” ได้ ในเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง “ประวิทย์ เคียงใจ” อธิบดีกรมการจัดหางาน บอกว่า “ญี่ปุ่น” ถือเป็นประเทศติดลำดับต้น ๆ ที่แรงงานไทยต้องการเดินทางเข้าไปทำงาน เพราะเชื่อว่าจะได้รับค่าจ้างแรงงานที่สูง เมื่อมาสบกับโอกาสฟรีค่าวีซ่าท่องเที่ยว จึงทำให้เกิดการ “ฉวยโอกาส” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไทยเองได้ให้ความสำคัญเรื่องการเข้าไปเป็นแรงงานในญี่ปุ่น ด้วยการจัดหางานในรูปแบบการเซ็นเอ็มโอยูหรือบันทึกข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น ทั้งการที่บริษัทจัดหางานของญี่ปุ่นเลือกเป็นผู้เลือกแรงงานไทยเอง หรือการทำงานแบบฝากฝีมือหรือดูจากความสามารถต่าง ๆ ที่นายจ้างญี่ปุ่นต้องการ หรือการเดินทางไปหางานทำด้วยตัวเอง ซึ่งในแต่ละปี จะมีแรงงานที่ทำตามเงื่อนไขข้างต้นประมาณ 1,800 คน ที่ได้เดินทางไปทำงานในญี่ปุ่นแบบถูกกฎหมายจริง ๆ อธิบดีประวิทย์ บอกว่า การเข้ามาของคนไทยที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นปีบอกได้เลยว่า เป็นการเข้ามาแบบฉวยโอกาสทั้งสิ้น คือ ใช้วีซ่าท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับ เพราะเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูง ซึ่งถือเป็นแรงดึงดูดได้เป็นอย่างดี ขณะที่ในส่วนของสถานทูตญี่ปุ่นเอง มีกฎหมายที่ชัดเจนกำหนดไว้ว่าผู้ที่ไม่ได้รับการอนุญาตต่ออายุวีซ่าจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่นก่อนที่วีซ่าหมดอายุ จะถือว่าบุคคลนั้น พำนักผิดกฎหมายในญี่ปุ่น จึงต้องถูกส่งกลับประเทศและไม่สามารถเข้าญี่ปุ่นได้อีก 5 ปี หรือ 10 ปี ขณะที่กรณีผู้ที่ละเมิดกฎหมายที่ญี่ปุ่นและถูกศาลตัดสินลงโทษให้จำคุก จะไม่สามารถเข้าญี่ปุ่นได้ตลอดไป ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่น ต่างแสดงความเป็นห่วงในสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของคนไทยในญี่ปุ่นทุกคน แต่การที่มีคนไทยบางกลุ่มใช้ช่องว่างในความปรารถนาดีของญี่ปุ่น หนีวีซ่าเพื่อทำงานเพิ่มมากขึ้น เรื่อย ๆ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ญี่ปุ่นมีต่อไทยและคนไทย อีกทั้งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาคนญี่ปุ่นด้วย ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นอาจยกเลิกมาตรการยกเว้นวีซ่าแก่คนไทย และกลับมาใช้ระเบียบเดิมที่คนไทยทุกคนต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คนไทยที่ต้องการไปติดต่อธุรกิจหรือเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องและด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็จะไม่ง่ายและสะดวกสบายเหมือนในเวลานี้ ไม่เพียงแค่ญี่ปุ่น…เท่านั้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวไทยเข้าไปเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า เพราะล่าสุดทั้งไทยและประเทศพม่า ก็เตรียมที่จะใช้นโยบายฟรีวีซ่าระหว่างกันด้วย โดยนักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวพม่าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 14 วัน เช่นเดียว กันนักท่องเที่ยวพม่า สามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้ไม่เกิน 14 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดกันว่าน่าจะลงนามระหว่างกันได้ในพิธีเปิดกีฬาซีเกมส์ที่พม่าเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือน ธ.ค. นี้ แต่ความตกลงนี้ให้ได้เฉพาะการเดินทางผ่านท่าอากาศยานไทย 23 แห่งเท่านั้น การเดินทางข้ามผ่านแนวชายแดนจะไม่สามารถใช้ได้ การเดินทางเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่าง “หลี่ เค่อเฉียง” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเกิดขึ้นเพราะทั้งนายกฯจีนและนายกฯ ไทยต่างเห็นชอบร่วมกันที่จะใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดในรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการกันได้เมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้หากเกิดขึ้นได้จริงจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 4 ล้านคนแน่นอน และอาจทะลุเพดานไปถึง 5 ล้านคนทีเดียว กรณีของจีนและพม่า “โรบินฮู้ดไทย” อาจไม่สนใจมากนักเพราะไม่ใช่เป้าหมายหลักที่จะสร้างหรือหารายได้ แต่ในทางกลับกันอาจเป็นการเปิดทางให้นักท่องเที่ยวของพม่าและจีนเข้ามาหางานทำเพิ่มมากขึ้นก็เป็นไปได้ ที่สำคัญยังสารพัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหาใหญ่อย่างเรื่องของความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ที่ในเวลานี้ยังแก้ปัญหากันไม่หมด… ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐทั้งไทยและญี่ปุ่น ต้องหามาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหา ’โรบินฮู้ดไทย“ ในญี่ปุ่นให้หมดไปโดยเร็วที่สุด หากปล่อยไว้…เชื่อได้ว่า ความมั่นใจที่ญี่ปุ่นเคยมอบให้ ทำให้คนไทยเดินเข้าประเทศญี่ปุ่นได้แบบเชิดหน้าชูตา อาจกลายเป็นภาพลักษณ์ของการถูกมองว่า เป็นชาติที่จ้องเข้ามาสูบเงิน จนต้องก้มหน้ากลับมาเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าญี่ปุ่นเหมือนเดิม หรืออาจกลายเป็นว่า ญี่ปุ่นขึ้นค่าวีซ่าเข้าประเทศแพงลิบลิ่วเหมือนทางฝั่งยุโรปที่มีราคาวีซ่าสูงราวกับไม่อยากให้คนไทยเข้าประเทศก็เป็นไปได้!!. เอวิกานต์ บัวคง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ใช้‘ฟรีวีซ่า’กระตุ้นท่องเที่ยวเปิดช่องโหว่…โรบินฮู้ดไทย

Page 1496 of 1552:« First« 1493 1494 1495 1496 1497 1498 1499 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file