บ้านสมเด็จโพลล์ ชี้ ประชาชนในเขตพื้นที่ กทม. จำนวน 51.3% ไม่เชื่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับผ่านอินเทอร์เน็ต ส่วนพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ในการสนทนานั้น แอพพลิเคชั่นไลน์ยังครองอับดับ 1 กว่า 50%
วันนี้( 17 ต.ค.) นายสิงห์ สิงห์ขจร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์การ และประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา โครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) แท็บเล็ต (Tablet) และอินเทอร์เน็ต (Internet) ของประชาชนที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอินเตอร์เน็ต อยู่ในกรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 1,437 คน เก็บข้อมูลในวันที่ 14 – 15 ต.ค 56
ในปัจจุบันพฤติกรรมของการใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ต ของคนในสังคมนั้นเป็นพฤติกรรมที่สามารถมองเห็นได้โดยทั่วไป ทำให้เห็นว่าการแพร่กระจายนวัตกรรม และการยอมรับนวัตกรรม ของคนในสังคมโดยเฉพาะในส่วนของโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัย คนทำงาน รวมไปถึงผู้สูงอายุ ได้มีการเรียนรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ ต้องการสะท้อนสภาพของสังคม
ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์เกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ต ของประชาชน ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือข้อมูลข่าวสารได้รับผ่านทางโปรแกรมสังคมออนไลน์ โปรแกรมสนทนา 51.3% รองลงมาคือเชื่อถือข้อมูลข่าวสาร 33.0% และไม่แน่ใจ 15.7% โดยส่วนใหญ่มีการใช้งานโปรแกรมสนทนา (Chat) อันดับ 1 คือไลน์ (LINE) คิดเป็น 50.4% อันดับ 2 คือ วอทแอป (WhatsApp) 23.7% อันดับ 3 คือวีแชท (WeChat) 8.3%
ส่วนการใช้งานโปรแกรมสังคมออนไลน์ (Social Networks) อันดับ 1 คือ เฟสบุ๊ค (FACEBOOK) คิดเป็น 41.4% อันดับ 2 คืออินสตาแกรม (Instagram) 18.9% อันดับ3คือกูเกิ้ล พลัส (Googel +) 13.5% นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยเฉลี่ยต่อวัน อันดับ 1 คือ 4 – 5 ชั่วโมง 29.4% อันดับ 2 คือ 3 – 4 ชั่วโมง 20.8% อันดับ 3 คือ 5 – 6 ชั่วโมง11.1% ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจในการซื้อสินค้า บริการ ผ่านทางโปรแกรมสังคมออนไลน์ โปรแกรมสนทนา 62.2% รองลงมาคือไม่แน่ใจ 21.1% และมั่นใจ 16.7%
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คน กทม. เกินครึ่งไม่เชื่อข้อมูลข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs