น.ส.ชุติมาบุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพการค้าข้าวให้เป็นศูนย์กลางรวบรวมวิเคราะห์เผยแพร่ข้อมูลการค้าและการตลาดเพื่อการพัฒนาการผลิตแปรรูปข้าวและผลิตภัณฑ์แบบเบ็ดเสร็จส่วนการบริหารงานจะเป็นรูปแบบของคณะกรรมการบริหารสถาบันซึ่งประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆด้านทั้งด้านการเพาะปลูกการผลิต และการตลาด สำหรับงบประมาณในการจัดตั้งจะใช้งบประมาณปี 58วงเงิน500ล้านบาทซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดหาแหล่งเงินให้และยังมีเงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจำนวน 587ล้านบาทโดยจะนำเงินในส่วนที่เก็บจากค่าธรรมเนียมการส่งออกข้าวไปตลาดสหภาพยุโรป(อียู)มาใช้ “สถาบันฯจะเข้าไปช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิตการสีแปร และการทำตลาดส่งออกโดยจะมีข้อมูลในทุกๆด้านอย่างครบวงจรเพื่อทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องข้าวและจะได้วางแผนการผลิตการทำตลาดได้อย่างเหมาะสมซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆด้านตามที่ตั้งใจไว้โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับกรมการข้าวในการจัดตั้งเพื่อไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อนกัน” น.ส.ชุติมากล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรในระยะยาวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เน้นให้มีการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้นโดยได้มอบหมายให้กรมการข้าวกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมพัฒนาที่ดินไปถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ดีการใช้ปัจจัยการผลิต เช่นปุ๋ยและสารเคมี ตามคำแนะนำรวมทั้งผลักดันให้เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนหรือเสริมกับการใช้ปุ๋ยเคมีให้มากขึ้นแต่หากเป็นไปได้ให้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อผลิตข้าวอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นเพราะแนวโน้มตลาดโลกมีความต้องการสูงและขายได้ราคาดี นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้มีการจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับเกษตรกรให้มีการกำหนดเขตที่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าว(โซนนิ่ง)เพราะพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าวต้องผลักดันให้เกษตรกรไปปลูกพืชเกษตรชนิดอื่นแทนเช่น อ้อย มันสำปะหลัง ทั้งนี้คสช.ยังมีนโยบายในการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกด้วยโดยอยู่ในแผนบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน นายชูเกียรติโอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่าปัญหาเรื่องของข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและข้าวเสื่อมคุณภาพที่เก็บไว้ในโกดังของโครงการรับจำนำข้าวนั้นกระแสสังคมรู้อยู่แล้วว่ามีจำนวนมากจึงไม่แปลกซึ่งที่ผ่านมาหลายฝ่ายก็มีการเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้าวและมีการตักเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่องและสุดท้ายก็เป็นจริงตามเกิดความกังวล สำหรับในส่่วนของข้าวคุณภาพต่ำที่ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้นั้นหากจะมีการเปิดประมูลราคาก็น่าจะต่ำกว่าราคาทั่วไป20-30ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเพราะภาคเอกชนต้องนำข้าวดังกล่าวไปปรับปรุงคุณภาพอย่างมากและที่สำคัญเมื่อปรับปรุงคุณภาพแล้วก็จะทำให้น้ำหนักของข้าวลดลงไปตามไปด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์ดันข้าวไทยที่1ของโลก

Posts related