นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การนำงบกลาง 2 หมื่นล้านบาทเพื่อนำมาจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนานั้น ไม่จำเป็นต้องรอกรมมาเซ็นเอกสารเพื่อนำเงินออกมาจากกระทรวงการคลัง เพราะเป็นช่องทางการยืมเงินปกติ ไม่ใช่กู้เงินซึ่งกระทรวงการคลังสามารถนำงบก้อนนี้โอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และนำไปเบิกจ่ายให้กับชาวนาได้ทันทีเพียงแต่ต้องรอหนังสือต้นเรื่องมาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งถึงกรมเพราะเป็นที่มาของแหล่งเงินจากการระบายข้าวที่จะนำมาใช้คืนงบกลาง เชื่อว่าภายใน2-3 วันนี้ กระบวนการต่างๆน่าจะแล้วเสร็จ และนำเงินมาจ่ายคืนให้ชาวนาได้  ทั้งนี้กรมมั่นใจว่าจะสามารถนำเงินที่ได้จากการระบายข้าวส่งคืนให้กับกระทรวงการคลังได้ทันตามกำหนดระยะเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดภายใน 31 พ.ค.นี้“กรมมีหน้าที่ในการประสานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้นตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการเพื่อนำเงินออกมาจ่ายคืนให้ชาวนาแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เซ็นแล้วเอาเงินออกมาไม่ได้ ไม่ถึงขนาดนั้นแต่เราก็ประสานงานอยู่ในส่วนของเรา” นายสุรศักดิ์ กล่าวว่าส่วนการพิจารณาเปิดซองเสนอราคาประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 5.17 แสนตันที่มีเอกชน 34 รายยื่นเข้ามานั้น กรมได้กำหนดราคากลางเสร็จสิ้นแล้วเบื้องต้นเป็นราคาที่อ้างอิงจากราคาตลาด ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีและจะได้ทำการเจรจาต่อรองกับเอกชนอยู่ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปจะแจ้งให้เอกชนแต่ละรายทราบผลการพิจารณา เพื่อให้มาทำสัญญาซื้อข้าวกับองค์การคลังสินค้า(อคส.) ต่อไปข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า งบกลางกรณีฉุกเฉินเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนามีเงื่อนไขตามที่กกต.กำหนดคือให้นำเงินที่ได้จากการขายข้าวส่งคืนให้กระทรวงการคลังให้ครบจำนวน2 หมื่นล้านบาท ภายใน 31 พ.ค.  ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการระบายข้าวของรัฐบาลต้องร่วมลงนามเพื่อยืนยันว่าจะสามารถชำระคืนได้ตามเงื่อนไขโดยคณะอนุกรรมการระบายข้าวได้ระบุให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงานเดียวในการรวบรวมเงินจากการระบายข้าวทั้งหมดในทุกรูปแบบเพื่อส่งคืนให้กระทรวงการคลัง ต่างจากก่อนหน้านี้ที่หน่วยงานใดเป็นผู้ทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐ ก็จะเป็นผู้ส่งมอบ เช่นองค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์ยันไม่จำเป็นต้องเซ็นกู้เงิน 2 หมื่นล้าน

Posts related