“ณรงค์ชัย” เผยนักลงทุนต่างชาติ กังวลโครงการประชานิยมของไทย ที่ส่งผลต่อภาระงบประมาณของประเทศเพิ่มขึ้น แนะรัฐบาลควรหยุดโครงการต่างๆ ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์คลัง เชื่อหากการชุมนุมยืดเยื้อ จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติแน่นอน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี และกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยภายในงานสัมมนาเอ็มเอฟซี ไฟแนนซ์ ฟอรั่ม ครั้งที่ 14 การลงทุนภายใต้ความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติมีความกังวลในเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐของไทย โดยเฉพาะโครงการประชานิยมต่างๆ ที่มีผลต่อภาระงบประมาณของประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้น รัฐบาลควรหยุดโครงการต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และโครงการสวัสดิการประชาชน ก่อนเกิดวิกฤตการณ์คลังขึ้น “โครงการประชานิยมทำให้เกิดกระแสการทวงสิทธิ์ของประชาชนที่ได้รับสิทธิ์จากนโยบายของรัฐบาล อาทิ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา และข้าวโพด รวมถึงภาคอื่นๆ ซึ่งจะนำมาซึ่งความอ่อนแอทางการคลัง ที่นำไปสู่วิกฤตการณ์คลังในอนาคต และมีต่ออันดับเครดิตของประเทศในอนาคต ซึ่งรัฐบาลควรหยุดโครงการประชานิยมต่างๆ แต่ใช้งบประมาณมาลงทุนพัฒนาประเทศแทน” ขณะที่ ปัญหาการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นั้น เชื่อว่าต่างประเทศไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาลไทย และไม่ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อเพียงใด จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนแน่นอน ด้านน.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังต้องจับตาเศรษฐกิจของสหรัฐที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากสหรัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตามที่คาด ก็จะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ที่ขยายตัวไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าสหรัฐจะขยายเพดานหนี้ได้ตามกำหนด เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการรับจำนำข้าว ทางธนาคารโลกประเมินว่ารัฐบาลจะขาดทุนปีละ 150,000-200,000 ล้านบาทนั้น ที่สมมติฐานรัฐบาลต้องขายข้าวในสต๊อกที่มีอยู่ ถือว่าเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงกว่า 10% ของเงินงบประมาณทั้งหมด ทำให้รัฐบาลสูญเสียโอกาสในการพัฒนาด้านอื่น ๆ ของประเทศ และยังมีผลเสียระยะยาวต่อการพัฒนาภาคการเกษตร โดยเฉพาะการพัฒนาข้าว เนื่องจากเกษตรกรมองว่าไม่ต้องพัฒนาก็สามารถขายข้าวได้ในราคาที่สูง นางรุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ คาดว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในประเทศเกิดใหม่เพิ่มเติม แต่จะไม่รุนแรงเหมือนช่วงที่สหรัฐประกาศมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี) โดยเชื่อว่าช่วง 1-2 ปี หลังจากนี้ หากสหรัฐมีความชัดเจนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนการลงทุนกลับไป ซึ่งจะเกิดภาวะเงินทุนไหลออก โดยธปท. และกระทรวงการคลัง พร้อมประสานการทำงานเพื่อดูแลเต็มที่
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ณรงค์ชัย”เผยทุนต่างชาติกังวลโครงการประชานิยมไทย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs