แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า อัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่เรียกเก็บบิลค่าไฟประชาชนรอบใหม่ระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย.57 มีทิศทางปรับขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติ ปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเล็กน้อย รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จากการคำนวณค่าเอฟทีงวดที่แล้วใช้ฐานการคำนวณ 31.24 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 32 บาทกว่าต่อดอลลาร์ ฯ รวมทั้งค่าเอฟที งวดที่ผ่านมา ระหว่างเดือนก.ย.-ธ.ค.56 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) ให้กฟผ.แบกรับภาระต้นทุนไว้ 2.91 สตางค์ต่อหน่วย “ค่าเอฟที งวดก.ย.-ธ.ค.56 ควรจะต้องขึ้น 14.18 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อลดภาระประชาชนเรกูเลเตอร์จึงนำเงินชดเชยจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขนอมและเงินค่าปรับโรงไฟฟ้าเอกชน 2,247 ล้านบาทคิดเป็น 4.91 สตางค์ต่อหน่วย และให้กฟผ. รับภาระ 1,566 ล้านบาทหรือคิดเป็น 2.91 สตางค์ต่อหน่วย จึงทำให้เอฟที ปรับขึ้นเพียง 7.08 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนงวดหน้า คงต้องดูว่างเรกูเลเตอร์ จะให้กฟผ.แบกรับภาระอีกหรือไม่อย่างไร” สำหรับแนวโน้มทิศทางค่าไฟฟ้าในปี 57 หากพิจารณาจากปัจจัยเชื้อเพลิง ยอมรับว่า ไทยต้องทยอยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้ามากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งสัดส่วนที่ต้องใช้มากขึ้น จะมีผลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น เนื่องจากขณะนี้แอลเอ็นจีมีราคาสูงถึง 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่กำลังปรับปรุง พยายามเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินเพื่อกระจายความเสี่ยงเชื้อเพลิง และความมั่นคงมากขึ้น เพื่อรักษาระดับค่าเอฟทีไม่ให้สูงเกินไป “เราเองต้องยอมรับว่าการส่งเสริมพลังงานทดแทนก็มีต้นทุนค่าไฟที่สูงตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็นหญ้าเนเปียร์ พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซล่าร์รูฟทอป แต่สิ่งเหล่านี้ก็ต้องทำไปแต่ถ่านหินน่าจะเป็นทางออกของไทยในช่วง 10-20 ปีข้างหน้านี้หากไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามแผนค่าไฟไทยจะสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การซื้อไฟต่างประเทศมากไปก็เสียงต่อความมั่นคง” นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า กลางเดือนธ.ค.นี้ จะพิจารณาต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เพื่อสรุปตัวเลขก่อนนำมาคำนวณค่าเอฟที ที่จะเรียกเก็บบิลค่าไฟประชาชนรอบใหม่ระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย.57 โดยเฉพาะ 2 ปัจจัยหลักที่จะมีผลให้ค่าไฟฟ้าเปลี่ยนแปลง คือราคาก๊าซธรรมชาติ และค่าเงินบาท ซึ่งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกามีผลกระทบต่อต้นทุนค่าเอฟที สูงถึง 6 สตางค์ต่อหน่วย “ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตัวเลขจะเป็นอย่างไรเพราะคงจะต้องดูหลายปัจจัยทั้งราคาก๊าซฯ ค่าเงินบาทภาระอื่นๆ ที่มีอยู่ และมีเงินชดเชยอื่นๆเหลือพอมาดูแลบ้างหรือไม่ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นหากขึ้นก็ต้องดูว่าอัตราใดที่จะเหมาะสมไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนต่อเศรษฐกิจมากไป”.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กฟผ.เตรียมขึ้นค่าเอฟที10สต.ต้นปีหน้า
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs