นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้เดือน ต.ค.ปีงบประมาณ 58 เป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าทั้งปีงบประมาณ 58 จัดเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 1.12 แสนล้าน บาทตามเป้าที่วางไว้ แต่ยังต้องติดตามการนำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมาการนำเข้ายังไม่ฟื้นดีเท่าที่ควร ทำให้กระทบการจัดเก็บภาษีของกรม แต่กรมฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะใน 5 ด่านใหญ่ที่มีสัดส่วนการเก็บภาษีเป็น80%ของกรม ซึ่งได้ตั้งเป้าการจัดเก็บภาษีนี้เพิ่ม 5%ทั้งนี้ กรมได้มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการสำนักงานทั้ง 5 ด่าน ให้สามารถรับนโยบายของฝ่ายบริหารลงไปปฏิบัติได้ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต เกิดความโปร่งใสมากขึ้น โดยทั้ง 5 ด่าน ประกอบด้วย สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีการเก็บภาษีมากที่สุดของกรม สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ดูแลการเก็บภาษีของกรุงเทพทั้งหมด โดยเฉพาะการเก็บภาษีรถยนต์ สำนักงานกรมศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง สำนักงานตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนแปลงนายด่านอื่น ๆ ให้จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากเก็บภาษีได้เพียง 40-50 ล้านบาทต่อเดือน ให้เพิ่มเป็น 20%ซึ่ง มองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือด่านอรัญประเทศ จากเดิมที่เก็บได้วันละ 1 แสนบาท หลังจากเปลี่ยนนายด่าน ทำให้การบริหารงานชัดเจนขึ้นส่งผลให้จัดเก็บภาษีเพิ่ม ขึ้นเป็นวันละ 4 ล้านบาท และคาดว่าช่วงฤดูหนาวจะเก็บได้เพิ่มขึ้นวันละ 5 ล้านบาท เพราะมีการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มมากกว่าปกติ“การเก็บภาษีกรมศุลกากร สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก เนื่องจากยังมีไขมันอีกมาก การย้ายผู้อำนวยการสำนักและนายด่านไม่ใช่เพราะคนเก่ามีปัญหาและทุจริต เพียงแต่ย้ายคนใหม่เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น”นอกจากการโยกย้ายบุคลากรแล้ว กรมศุลกากรยังได้ดำเนินการดูแลสินค้าอ่อนไหว เช่น รถหรู ให้มีการเสียภาษีให้ถูกต้องเข้มงวดกับเขตปลอดอากร และคลังสินค้าทัณฑ์บน ไม่ให้เกิดช่องโหว่ให้มีการหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงต้องดูแลสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยสำหรับกรณีรถหรูหายจากคลังทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร 500 คันนั้น ขณะนี้ได้รถมาคืนและเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว 200 คัน โดยยังมีอีก 300 คันที่ยังไม่การนำกลับมาคืน ทำให้กรมได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของคลังสินค้าทัณฑ์บน และเขตปลอดอากรแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่กรมที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยว ข้องในกรณีดังกล่าวด้วย“สัปดาห์หน้ากรมศุลจะเสนอร่างการแก้ไขพ.ร.บ.ศุลกากรทั้งฉบับให้กระทรวงการ คลังพิจารณา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บของกรมมากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะเสนอเข้าครม. และผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ภายในปี 58”สำหรับร่างพ.ร.บ.ศุลกากรใหม่นี้เสนอให้แก้ไขเรื่องรางวันสินบนนำจับ จากปัจจุบันสินบนได้30%สำหรับผู้แจ้งเบาะแส และรางวัล25%สำหรับเจ้าหน้าที่ และไม่มีการกำหนดเพดาน เป็นสินบน30%แต่ไม่เกิน10ล้านบาท กับผู้ที่แจ้งเบาะแสส่วนรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ลดเหลือ15%แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาทนอกจากนี้ยังแก้ไขในส่วนของบทลงโทษ และเรื่องการอุทธรณ์ภาษีของผู้ประกอบการ รวมถึงยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ประเมินราคาและสำแดงพิกัดอัตราภาษีล่วงหน้า พร้อมมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการย้อนหลังภายใน 5 ปี นับตั้งแต่มีการปลดปล่อยสินค้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรมศุลย้ายใหญ่5 ผอ.สำนัก-นายด่าน

Posts related