นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในปี 57 กสอ. ได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอปกว่า 1,300 ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งพัฒนาผู้ประกอบการ 5,340 ราย ใน 425 กลุ่มสินค้า คาดว่า จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มโอทอปไม่ต่ำกว่า 10 % หรือประมาณ 8,700 ล้านบาท เทียบกับรายได้ในปี 56 ที่มีรายได้ 87,000 ล้านบาท โดยเฉพาะ 5 กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ คือ อาหาร , เครื่องดื่ม , ผ้าและเครื่องแต่ง , ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ที่มีความต้องการในตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และตลาดอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา เมียนมาร์สำหรับแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการโอทอป จะนำแนวคิด ไอคิวเอส เข้ามาพัฒนากระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพสินค้า ผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับตลาด และส่งเสริมให้สินค้าได้มาตรฐาน โดยไอ คือ นวัตกรรม (อินโนเวชั่น) โดยจะนำเทคโนโลยีการผลิตสินค้าในระบบโรงงานให้มีความเหมาะสมในสินค้าโอทอปมากขึ้น เช่น พัฒนาเครื่องสาวไหม จากระบบใช้มือ มาใช้ระบบอัตโนมัติใช้ติดมอเตอร์ไฟฟ้า คิว (คลอลิตี้) คือ คุณภาพ โดยกรมน จะให้ความรู้ผู้ประกอบการโอทอป เช่น ถ่ายทอดเทคนิคการย้อมสีผ้า ให้สวยขึ้น และไม่ตกส่วนเอส คือ มาตรฐาน (สแตนดาร์ด) จะส่งเสริมสินค้าโอทอปให้มีมาตรฐานทั้งในระดับอาเซียน และระดับสากล เช่น มาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) มาตรฐานฮาลาลจีเอ็มพี เอชเอซีซีพี ขณะเดียวกันจะดึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาเชื่อมโยงกับเทคโนดลยี บริหารจัดกรรมกับนวัตกรรมมากขึ้น“ตอนนี้จากการสำรวจผู้ประกอบการสินค้าโอทอปพบว่า มีความต้องการที่จะบุกตลาดอาเซียนมากขึ้น เช่น กลุ่มผู้ผลิตสบู่ มีการรวมตัวกันไปเปิดตลาดในเวียดนาม ซึ่งได้รับความสนใจกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก รวมทั้งสินค้าในกลุ่มอาหาร ของตกแต่งบ้านก็ได้รับความนิยมขึ้นต่อเนื่อง โดยหน้าที่หลักของกสอ. จะส่งเสริมในการพัฒนาสินค้าของผู้ประกอบการมากขึ้น เช่น ส่งเสริมให้ใช้นวัตกรรมต่างๆ ส่วนการทำตลาด ก็จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ และถ้าผู้ประกอบการโอทอปรายไหน ต้องการยกระดับเป็นเอสเอ็มอี ก็จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต่อไป”นอกจากนี้ได้ส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม ให้ผลิตสินค้าเป็นระบบเกษรอินทรีย์ (ออแกนิกส์) มากขึ้น เนื่องจากเป็นที่ต้องการสินค้าในสกลุ่มยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์กล้วยตาก ข้าว ชา ได้รับความสนใจจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมากขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสอ.เร่งปั้นโอทอปโกอินเตอร์
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs