นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยหลังประชุมแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปการทำแผนกู้วิกฤตทั้ง 2 หน่วยงาน เพราะแผนของการบินไทยยังไม่ชัดเจนเรื่องการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ขณะที่ ร.ฟ.ท.ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะใช้แนวทางใดล้างขาดทุนสะสม การบริหารที่ดิน รวมถึงการชำระหนี้บำนาญที่การรถไฟฯต้องรับภาระไปอีก30 ปี วงเงิน 60,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจะขอกระทรวงการคลัง ยืดเวลาส่งแผนฟื้นฟูวิกฤตทั้ง2 รัฐวิสาหกิจใหญ่ จากสัปดาห์นี้ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน “ทั้ง 2 หน่วยงานมีปัญหาขาดทุนมากที่สุดจึงต้องเร่งพิจารณาก่อน เพื่อเร่งให้เสร็จภายใน 15 วันตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)กำหนดไว้เบื้องต้นได้สั่งการให้การบินไทยกลับไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงรายได้ลดลง รวมถึงสถานการณ์การแข่งขันกับคู่แข่ง โดยให้เสนอกลับมาอีกครั้งวันที่ 30ก.ค.นี้ ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.)หรือซูเปอร์บอร์ดต่อ” ทั้งนี้การทำแผนของการบินไทยต้องฉายภาพให้ชัดเจนกว่านี้ จึงจำเป็นต้องหารือร่วมกันอีกรอบต้องนำแผนยุทธศาสตร์ที่มีให้สอดรับกับแผนฟื้นฟูทั้งด้านการบริหารจัดการ บุคคลการให้บริการ การเงิน ซึ่งต้องแยกออกเป็นหมวดๆให้ชัดว่าเป็นอย่างไร แต่แม้การบินไทยจะขาดทุนอยู่ แต่ก็ถือเป็นองค์กรมีศักยภาพเพราะมีทรัพย์สินถึง3 แสนล้านบาทสูงกว่าหนี้ นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า ได้ให้ ร.ฟ.ท.ไปทำสรุปแยกรายละเอียดหนี้สะสม109,317ล้านบาท ในส่วนที่รัฐจะต้องรับภาระและส่วนที่ ร.ฟ.ท.ต้องรับผิดชอบ เพื่อสรุปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาวันที่ 1 ส.ค. นี้ก่อนที่จะนำเสนอ สคร. ส่วนแผนการปรับโครงสร้าง ร.ฟ.ท. จากเดิมกำหนดขยายรถไฟทางคู่การจัดหารขบวนรถ หัวรถจักรและระบบอาณัติสัญญาณให้ได้ปี 53 – 57 แต่ปรากฏว่าการดำเนินงานไม่มีความคืบหน้าจึงต้องปรับเป็นแผนดำเนินการปี57–60ทำให้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป จะเป็นช่วงที่ ร.ฟ.ท.เริ่มหารายได้เดินรถได้อย่างเต็มที่ แต่ช่วงรอยต่อปี 57-60จะต้องทำแผนเพิ่มว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ส่วนการพัฒนาที่ดินตอนนี้มีที่ดินที่ใจกลางเมือง3 แปลง ได้แก่ ย่านมักกะสัน ย่านพหลโยธิน และสถานีแม่น้ำ และพื้นที่ในต่างจังหวัดอีก 11 แปลง จะต้องไปพิจารณาในการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น รวมทั้งหาข้อสรุปว่าจะนำที่ดินไปให้กรมธนารักษ์ไปบริหารแทนเพื่อล้างหนี้สินสะสมที่มีอยู่ หรือจะเลือกบริหารเอง ขณะที่ภาระเงินบำนาญที่ร.ฟ.ท. ต้องรับภาระปีละ 3,000 บาทไปจนถึงปี 90 ให้ฝ่ายบริหารไปหาทางแก้ไข เช่น อาจเข้าร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) หรือส่วนอื่นๆเพื่อลดภาระ ด้านนายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่า รฟท. กล่าวว่า หากมีการแบ่งแยกหนี้ของ ร.ฟ.ท.สรุปจะเหลือหนี้ที่รฟท.ต้องรับภาระจริงแค่ 20,000 ล้านบาท เพราะในกรอบหลักเงินลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและขาดทุนจากการดำเนินงานรัฐจะต้องรับภาระ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คมนาคมตีกลับแผนกู้หนี้บินไทย รถไฟ
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs