นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงนามในหนังสือถึงสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง ประกอบด้วยธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ)และธนาคารพาณิชย์เอกชนทุกแห่ง เพื่อให้ยื่นเสนอเงินให้กู้ยืมภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 56/57 เป็นเงิน 50,000 ล้านบาท โดยกำหนดเงื่อนไขเงินกู้ดังกล่าวไว้ดังนี้ คือ วงเงินขั้นต่ำที่เข้าร่วมประมูล 2,000 ล้านบาท อายุเงินกู้ 3 ปี นับจากวันเบิกเงินกู้งวดแรก กำหนดวันยื่นประมูลงวดแรกไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ในวันที่ 6 มิ.ย.57 และงวดที่สองไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ในวันที่ 13 มิ.ย.57 โดยจะเบิกเงินกู้จากธนาคารที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (ไบบอร์) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นพื้นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ โดยการคำนวณอัตราดอกเบี้ยไบบอร์ กำหนด ณ วันที่เบิกรับเงินกู้ และปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน ซึ่งกำหนดชำระดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน นับจากวันที่เบิกเงินกู้งวดแรก โดยจะชำระคืนทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้ และสามารถชำระคืนเงินต้นก่อนครบกำหนดทั้งจำนวนหรือบางส่วนได้ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ซึ่งการชำระคืนหนี้แก่ธนาคารที่มีเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อน โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ อย่างไรก็ตาม การจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในโครงการรับจำนำนั้นไม่สามารถทำได้ในช่วงรัฐบาลรักษาการชุดที่แล้ว เพราะไม่ชัดเจนในกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ที่ห้ามรัฐบาลรักษาการกระทำบางอย่างในช่วงการยุบสภา สถาบันกาเงินจึงไม่มั่นใจที่จะให้กู้ยืมโดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่ออนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 57 และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ให้ธ.ก.ส. เพื่อใช้จ่ายให้ชาวนาที่ยังค้างอยู่วงเงิน 92,431 ล้านบาท ซึ่งหัวหน้า คสช.ได้อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายลักษณ์วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่าธนาคารพร้อมจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่รอเงินรับจำนำข้าวกว่า 800,000รายวงเงินกว่า 90,000ล้านบาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยจะทยอยจ่ายเงินดังกล่าวตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัดโปร่งใสตั้งแต่วันนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน1เดือนนับจากนี้ ซึ่งเงินที่จะนำมาใช้หมุนเวียนจะมาจาก เงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา และเงินกู้ยืมที่กระทรวงการคลังจัดหามาให้ในวงเงินไม่เกิน92,431ล้านบาท
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลังส่งหนังสือถึง 32แบงก์เชิญร่วมปล่อยกู้50,000ล้านบาท
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs