ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคสช.เพื่อการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคสช. เป็นประธาน ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ที่อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยมอบหมายให้ทุกส่วนราชการเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์ในต่างประเทศ โดยให้ถือว่า การเตรียมการรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสภาวะแวดล้อมโลก เป็นวาระเร่งด่วนของ คสช. ที่ทุกส่วนราชการต้องเร่งหามาตรการรองรับ และพิจารณาความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้หัวหน้าคสช. ยังกำชับทุกส่วนราชการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง ตามกรอบเวลา และแผนงานที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งมอบนโยบายให้มีการลงทุนภาครัฐภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 โดยให้ดำเนินการในลักษณะโครงการขนาดเล็กที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง เพื่อกระจายเม็ดเงินลงสู่พื้นที่อย่างทั่วถึง และให้เกิดการพัฒนา รวมทั้งช่วยสร้างงานในพื้นที่ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ร.อ.ยงยุทธ กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ยังสั่งให้ทุกหน่วยงานราชการกลับไปทบทวนรายละเอียดโครงการที่เสนอขอยกเว้น ผ่อนผัน ขอสิทธิพิเศษ และโครงการที่ขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เพราะที่ผ่านมาแต่ละโครงการที่เสนอมานั้น มีจำนวนมาก และไม่มีความเหมาะสมในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการสร้างให้กับรัฐบาล ดังนั้นหากหน่วยงานใดจะเสนอขอยกเว้น หรือผ่อนผันโครงการใดมาให้คสช.พิจารณา ก็ขอให้จัดทำรายละเอียดโครงการให้มีความพร้อมก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการใช้งบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพภายหลัง “ในช่วงประชุมคสช.หลายครั้งที่ผ่านมา ขอยกเว้น ผ่อนผัน ขอสิทธิพิเศษ เป็นสิ่งที่คสช.พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นภาระ เลยขอให้ทุกหน่วยงานทบทวนให้เป็นระบบในระยะยาว เพราะเรื่องนี้น่าจะแก้ไขปัญหาในระยะยาวมากกว่า รวมไปถึงโครงการที่เปลี่ยนแปลงใช้เงิน จากเดิมที่ขอให้เงินในโครงการหนึ่งแต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่สามารถดำเนินโครงการได้ก็กลับมาขอเปลี่ยนแปลงเงินไปใช้อีกโครงการหนึ่ง หัวหน้าคศช.จึงเห็นว่า ก่อนจะเสนอโครงการก็ขอให้มีความพร้อม มีศักยภาพในการดำเนินงาน เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ เดินหน้าต่อไปได้ และควรหลีกเลี่ยงนำโครงการมาขอเปลี่ยนแปลงภายหลัง” อย่างไรก็ตามที่ประชุมคสช.ยังได้เห็นชอบขยายเวลายกเว้นภาษีขาเข้าแคโทดและส่วนแคโทด ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ยกเว้นภาษีตั้งแต่ 28 เม.ย.57 ถึง 30 เม.ย.59 และตั้งแต่ 1 พ.ค.59 ให้เก็บภาษีในอัตรา 1% จากเดิมที่จัดเก็บ 6% ขณะเดียวกันยังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีขาเข้าถังบรรจุก๊าซธรรมชาติอัด ประเภทถังเหล็ก โดยยกเว้นภาษีตั้งแต่ 1 ม.ค.57 ถึง 30 มิ.ย.58 และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.58 ให้เก็บภาษีในอัตรา 10% จากเดิมที่เก็บ 17%
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คสช.สั่งหามาตรการป้องกันเศรษฐกิจไทย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs