นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมฯเตรียมเสนอเรื่องเร่งด่วนให้นายณรงค์ชัย อัครเศรณีรมว.พลังงานคนใหม่ พิจารณา 3 เรื่องได้แก่ การเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา ,การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และการต่ออายุสัมปทานแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติพื้นที่แหล่งเอราวัณและบงกช ที่จะหมดอายุปี 65- 66 ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการสร้างความมั่นคงต่อระบบพลังงานของไทยในอนาคต“ขณะนี้ยังไม่ได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ปิโตรเลียมไทย-กัมพูชาแต่อย่างใดโดยเป็นเพียงการ พูดคุยถึงความร่วมมือในทุกๆ มิติทั้งการค้า คมนาคม รวมถึงพลังงานและพลังงานเองก็ไม่ได้มีเพียงปิโตรเลียมแต่ยังรวมถึงไฟฟ้าด้วย”ทั้งนี้ขั้นตอนการเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา เป็นระดับนโยบายที่รัฐบาลใหม่และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะต้องตัดสินใจในการดำเนินงานและการเจรจาทางกระทรวงต่างประเทศ จะเป็นแกนนำในการเจรจาหรือหัวหน้าทีมโดยกระทรวงพลังงานจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมดังกล่าวเท่านั้นและการเจรจาต้องวางกรอบแนวทางของฝ่ายไทยเมื่อเสร็จแล้วจึงจะไปเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาสำหรับความต้องการก๊าซธรรมชาติในไทยปี 57 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน นำเข้า 20% โดยประเมินกันว่า การผลิตก๊าซฯ ของไทยจะสูงสุดในปี 58 หลังจากนั้นจะเริ่มน้อยลงหากไม่มีการลงทุนผลิตและสำรวจเพิ่มเติม ขณะที่ไทยไม่ได้เปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่มานาน 7 ปีแล้ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงเปิดสัมปทานปิโตรเลียมไทย-กัมพูชา

Posts related