พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้เอกชน  ได้แก่ ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางรถยนต์ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ยางพารา  และผู้ประกอบอุตสาหกรรมถุงมือยาง  ช่วยกันผลักดันการส่งออกและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการใช้ยางพาราภายในประเทศ พร้อมทั้งให้ภาคอุตสาหกรรรมแต่ละกลุ่มไปจัดแบ่งคลัสเตอร์ และนำข้อเสนอมาประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในรอบต่อไป คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้า และจะมีการจัดประชุมหารือในลักษณะแบบนี้อย่างต่อเนื่อง “เป็นครั้งแรกที่ได้มีการพูดคุยกับบริษัทใหญ่ๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยาง ซึ่งครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะเป็นการประชุมกลุ่มใหญ่ แต่ให้แบ่งเป็นกลุ่มคลัสเตอร์และมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง โดยจากการหารือภาคเอกชนเข้าใจประเด็นของภาครัฐที่ต้องการให้ช่วยกันผลักดันการส่งออกและเพิ่มมูลค่าในประเทศ เพื่อผลักดันให้ราคายางปรับตัวดีขึ้น” อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงปัญหาและอุปสรรคของการส่งออกและการผลิตยางพารา ทางภาครัฐก็จะช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้ ทั้งการแก้ไขกฎระเบียบและกฎหมาย และหากเกี่ยวข้องกับกระทรวงใด ก็จะมีการเชิญมาหารือร่วมกับผู้ประกอบการ เช่น ถุงมือยางมีประเด็นที่ต้องหารือกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ก็จะเชิญมาหารือในกลุ่มคลัสเตอร์ รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะต้องมาทำความเข้าใจกับกลุ่มอุตสาหกรรมไม้ยางพาราต่อไป “การช่วยเหลือเกษตรกร ทางรัฐบาลได้มีมาตรการในการช่วยเหลือไปในระดับหนึ่ง โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้ามาดูแลด้านการตลาด เพื่อผลักดันให้มีปริมาณการใช้ยางเพิ่มมากขึ้น”   นายเจน นำชัยศิริรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  กล่าวว่าส.อ.ท.ได้ทำแผนเสนอต่อรัฐบาลแล้วโดยวางเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจากปัจจุบัน  600,000 ล้านบาทให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 63  โดยเน้นรักษาเสถียรภาพราคายางพาราพร้อมทั้งให้รัฐสนับสนุนการพัฒนาและวิจัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง รวมถึงการตั้งหน่วยวิจัยยางพาราแปรรูปกลางเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมและการเรียนรู้ เพราะปัจจุบันใช้ยางพาราเพื่อการแปรรูปแค่12.5% ของกำลังผลิตรวม และ 87.5% ยังเป็นการพึ่งพาการส่งออก

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ถกอุตสาหกรรมยางช่วยเพิ่มส่งออก

Posts related