ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ นักท่องเที่ยวจีนได้นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเดือน ส.ค. 56 ถือว่าเป็นเดือนแรกที่นักท่องเที่ยวจีน ได้ทุบสถิติสูงสุด ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทย ด้วยจำนวน 278,677 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 43% ขณะที่ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 56 เพิ่มขึ้นถึง 92.93% โดยมีจำนวน 3.74 ล้านคน และตลอดทั้งปี 56 จะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 4.5-4.7 ล้านคน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่ทั้งรัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เองได้วาดความฝันที่จะดึงดูดให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทยให้ได้จำนวนมาก เพราะถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเพราะมีกำลังซื้อมากขึ้น ดังนั้น…จึงไม่ใช่เรื่องแปลก! ที่นานาประเทศจะตั้งเป้าหมายเช่นเดียวกับไทย แม้ว่าในความรู้สึกนี้อาจจะขัดใจกับใครหลายคนก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้อาจได้รับผลกระทบบ้างจากการนำเข้าทัวร์ที่ไม่ได้คุณภาพ จึงทำให้เห็นภาพนักท่องเที่ยวจีนที่แตกต่างไปจากเป้าหมายที่รัฐบาลไทยต้องการ… อย่างไรก็ตาม ททท.เอง ยังคงรักษาฐานนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน จึงได้เข้าร่วมงาน “ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทรา เวล มาร์ท (ซีไอทีเอ็ม) 2013” เมื่อวันที่ 24-27 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือว่าเป็นงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นการจัดครั้งที่ 15 เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะใช้เวทีนี้ในการเปิดตลาดหาลูกค้าจีนรายใหม่ ๆ และรักษาลูกค้ารายเก่า ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ จึงได้ขนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งโรงแรม บริษัททัวร์ รวม 57 ราย ไปออกบูธเพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมไปถึงการทำตลาดกับกลุ่มผู้ประกอบการทัวร์จากประเทศจีน เพื่อหันมาเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเองมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางกับทัวร์ จะระงับการเดินทางชั่วคราว เพราะทัวร์มีราคาแพงจากการออกกฎหมายที่คุมเข้มด้านการท่องเที่ยว ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่จากแนวโน้มคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเองนั้นยังสามารถเติบโตได้ดี และสามารถเข้ามาทดแทนส่วนที่ขาดสำหรับทัวร์ได้ เพราะจากการเก็บสถิติของจีนมีประชากร 300 ล้านคน มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะเดินทางออกนอกประเทศและเลือกพักแบบหรูหราได้ ทั้งนี้ภายในงานบรรดาผู้ประกอบการของไทยได้จัดให้มีการสาธิตการนวดสปา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีไม่เพียงแต่ชาวจีนเท่านั้นแต่ชาวต่างชาติอื่น ๆ ได้เข้าแถวรอคิวเพื่อขอทดลองใช้บริการนี้กันอย่างล้นหลาม จนถึงขนาดต้องจองบัตรคิวกันทีเดียว เช่นเดียวกับการจัดแสดงศิลปะป้องกันตัวแม่ไม้มวยไทย ที่เป็นศิลปะประจำชาติไทย ที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากผู้เข้าร่วมงานได้เป็นอย่างดี สำหรับบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ชาวจีนที่เข้าร่วมงานได้ให้ความสนใจบูธของผู้ประกอบการไทยมาก โดยเฉพาะ จังหวัดตรัง ที่ได้รับการตอบรับและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ด้วยเหตุที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ รวมไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ ที่นักท่องเที่ยวจีนยังหลงใหลตามกระแสภาพยนตร์เรื่อง “ลอสต์ อินไทยแลนด์” อย่างไม่ขาดสายกันทีเดียว “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า การเข้าร่วมงานครั้งนี้ต้องถือว่าได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีเพราะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติได้เป็นอย่างดีทีเดียว ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสนี้สร้างความมั่นใจในการดูแลนักท่องเที่ยวในทุกด้านกับ “หลี่ จี้เหิง” ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน เพื่อให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของไทยที่จะดูแลนักท่องเที่ยวจีน ทั้งเรื่องของการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมให้กับนักท่องเที่ยว การสกัดทัวร์ศูนย์เหรียญ การหลอกลวงนักท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ เรื่องรถไฟความเร็วสูงจากจีน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก อีกทั้งเส้นทาง 3A ที่สร้างเสร็จ เช่น บริเวณจุดผ่านสะพานเชียงของ-ห้วยทราย จ.เชียงราย ก็จะมีจุดบริการออกใบขับขี่ชั่วคราว แทนใบขับขี่สากล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจีนที่ใช้รถยนต์เดินทางเข้ามาเที่ยวไทย ขณะที่เรื่องของการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนนั้นอาจเป็นเพียงมัลติเพิ่ล วีซ่า ไปก่อนจนกว่าไทยจะมีความพร้อมในเรื่องการให้บริการที่พร้อมเพรียงมากกว่านี้ ด้าน “สุรพล เศวตเศรนี” ผู้ว่าการ ททท. บอกอย่างมั่นใจด้วยว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไทย ไม่น้อยกว่า 4 ล้านคนแน่นอน ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าพอใจเพราะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าในไตรมาสสุดท้าย จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจชะลอตัวไปบ้างจากการที่จีนออกกฎหมายใหม่มาคุมนักท่องเที่ยวของจีนเอง แต่ในระยะยาวแล้ว ไทยจะได้นักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวจีนมีประมาณ 6 แสนคนและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อได้ว่า ณ เวลานี้ ไทย…ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจีนถวิลหาแน่นอน เพราะความหลากหลายของสินค้า เพราะระบบสาธารณูปโภคที่ดี เพราะความมีน้ำใจที่ดีของคนไทย รวมไปถึงอีกหลายเหตุผลที่เป็นเสน่ห์ของเมืองไทย แต่การเดินหน้าดึงนักท่องเที่ยวแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่คุ้มค่า…หากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมากแต่ “ไร้คุณภาพ” !!. กัมปนาท ละออง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ททท.เร่งดึงนักท่องเที่ยวจีนขนเอกชนร่วมงานซีไอทีเอ็ม
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs