นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อาจมีการปรับเกณฑ์รายได้ในคำนิยามตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูง(ไฮเอนด์)ของภูมิภาคเอเชียใหม่ให้แตก ต่างกับตลาดยุโรปเนื่องจากเดิมนั้นจะหมายถึงผู้ที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาท ต่อปีขึ้นไป แต่พบว่าอาจจะไม่สอดคล้องกับอัตราค่าครองชีพของประเทศ ในกลุ่มเอเชียซึ่งต่ำกว่ากลุ่มประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปโดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และทำรายได้อันดับ 1 ให้ไทยขณะนี้ พนักงานในระดับบริหารมีเงินเดือนเพียง 75,000 บาท ขึ้นไป ทั้งนี้อยู่ระหว่างการหารือความเป็นไปได้ในการแก้ไข รวมถึงการกำหนดรายได้ที่สะท้อนสถานการณ์ค่าครองชีพจริงนอกจากนี้ ในด้านกลยุทธ์ตลาดเอเชียที่เตรียมรุกเพิ่มในปีหน้า คือกลยุทธ์เจาะตรงผู้บริโภค(บีทูซี) มากขึ้น เพื่อรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ในเอเชียที่เพิ่มมากขึ้น โดยในตลาดจีนสัดส่วนเริ่มสูงเป็น 40% และคาดว่าเมื่อกฎหมายท่องเที่ยวจีนฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในเชิงควบคุมบริการ ของบริษัททัวร์มากขึ้น จะทำให้ตลาด FIT มีโอกาสเพิ่มสูงถึง 50-60% “ททท.จะเริ่มหันจากกลยุทธ์บีทูบี หรือการติดต่อทำการตลาดผ่านเอเยนต์ทัวร์ มาใช้ช่องทางออนไลน์ติดต่อตรงถึงตัวนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทางสูง โดยจะเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลและชักชวนทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ เกิดความต้องการทางตลาด”ส่วนกลยุทธ์ด้านออนไลน์นั้น ตลาดที่มีความพร้อมในการรุกกลยุทธ์ออนไลน์ที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น และ จีน โดยต่อไปนี้จะให้ทั้ง 5 สำนักงาน ททท.ในจีน และ 3 สำนักงานในญี่ปุ่น หลอมรวมแคมเปญตลาดภายใต้โครงการเดียวกัน เพื่อโหมโปรโมตให้เห็นผลตอบรับวงกว้างพร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งในจีนจะเจาะกลุ่มนักกอล์ฟและคู่แต่งงานและฮันนีมูน ส่วนญี่ปุ่นเจาะตลาดลองสเตย์ นางศรีสุดา กล่าวว่า จะไม่ลดบทบาทความสำคัญของเอเยนต์ เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวเกิดความต้องการเดินทาง ก็จะหันมาใช้บริการเอเยนต์บางส่วนในการจัดการเดินทาง โดยปัจจุบันเริ่มพบว่าบริษัทนำเที่ยวเริ่มปรับตัวรับตลาดเอฟไอที แล้วเช่นกัน จากเดิมที่ขายโปรแกรมทัวร์ทั้งหมด ก็หันมาให้บริการจองที่พักและโรงแรม แม้กระทั่งกลุ่มโรงแรม ก็เริ่มมีการคัดเลือกเอเยนต์ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นเอฟไอที มากขึ้น เพราะสามารถทำราคาได้ดีกว่า ทั้งนี้ ในปี 56 คาดว่าตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะมีนักท่องเที่ยว 18.24 ล้านคน ทำรายได้ประมาณ 652,000 ล้านบาท ส่วนตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา มี 7.87 ล้านคนทำรายได้ประมาณ 522,000 แสนล้านบาท
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ททท.เล็งปรับเกณฑ์ใช้จ่ายท่องเที่ยวใหม่
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs