นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ประธานกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับอัตราค่าบริการผู้โดยสารขาออก(พีเอสซี)ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ ทอท. ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ และเชียงราย โดยกำหนดค่าบริการสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศต้องจ่ายค่าพีเอสซีเพิ่มจาก 100 บาท เป็น 200 บาท และผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มจาก 700 บาท เป็น 800 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการให้บริการที่แท้จริง หลังจากที่ผ่านมาทอท.ต้องแบกรับภาระต้นทุนจากค่าบริการในประเทศที่ขาดทุนมาตลอด ทั้งนี้หลังจากบอร์ดอนุมัติแล้ว จะต้องเสนอคณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.)ที่มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เป็นประธาน หาก กบร.เห็นชอบก็จะต้องออกเป็นประกาศกระทรวงคม หลังจากนั้น ทอท.จะออกประกาศแจ้งให้สายการบินและประชาชนรับทราบ 6 เดือน จึงจะสามารถเก็บค่าบริการอัตราใหม่ได้ ในประมาณกลางปี 57 ทั้งนี้ที่ผ่านมาค่าบริการผู้โดยสารในประเทศ ทอท. ต้องขาดทุนมาตลอด เพราะต้นทุนการดำเนินการอยู่ที่ 336 บาท แต่เก็บจริงเพียง 100 บาท เท่ากับขาดทุน 236 บาท แต่ได้มีการนำค่าบริการระหว่างประเทศเข้ามาช่วยชดเชยจึงมีกำไรบ้าง สำหรับรายรับจากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ทอท.มีแผนนำมาพัฒนาบริการใหม่ให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากขึ้น เช่น การปรับปรุงบริการ การสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก และมีแผนอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่มีปัญหาเครื่องบินออกช้ากว่ากำหนด(ดีเลย์) 3 ชั่วโมง จะจ่ายชดเชยตั๋วเครื่องบินให้ 1 เที่ยว หรือชดเชยเป็นเงินให้กับผู้โดยสารทันที นายพงษ์ศักติฐ์ เสมสันต์ รองประธานกรรมการ และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวเสริมว่า การปรับขึ้นค่าพีเอสซีครั้งนี้ จะช่วยให้ ทอท.มีรายได้เพิ่มอีก 3,800 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้จากผู้โดยสารภายในประเทศ 1,400 ล้านบาท และรายได้จากผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2,400 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือทำให้ผู้โดยสารใช้บริการสนามบินลดลง เนื่องจากเป็นส่วนต่างที่เพิ่มเล็กน้อย นอกจากนี้ประชุมยังเห็นชอบผลการสรรหานายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการอาสุโสส่วนตลาดและงานขาย สำหรับประเทศไทยและกลุ่มอินโดจีน บริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ แต่ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเจรจาต่อรองค่าตอบแทนก่อนเสนอบอร์ด และกระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง คาดจะสรุปและเริ่มงานได้ไม่เกินวันที่ 25 พ.ย.นี้ แหล่งข่าวจากทอท. กล่าวว่า คณะกรรมการจะมีการพิจารณาผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 56 ในการประชุมครั้งหน้า วันที่ 6 พ.ย.นี้ เบื้องต้นผลประกอบการทั้งปี 56 (วันที่ 1 ต.ค.55- 30 ก.ย.56) ทอท.มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท และเมื่อหักแล้วจะเหลือ 1.4-1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกิน 100% จากปีที่แล้วที่มีกำไร 6,499 ล้านบาท ส่วนโบนัสคาดจะจ่ายให้ 11 เดือน
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ทอท. เก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs