รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการรายงานผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง ที่ได้แจ้งงบการเงินไตรมาส 2/57 แล้ว (ยกเว้นธนาคารเกียรตินาคิน) พบว่า มีกำไรสุทธิรวมประมาณ 51,774 ล้านบาท ลดลง 6,356 ล้านบาท หรือ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวมประมาณ 58,100 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่ต่างมีรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ และ ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตในปีนี้มีทั้งหมด 6 ธนาคาร คือ ธนาคารทหารไทย มีกำไรสุทธิที่ 2,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,323 ล้านบาท หรือ 924% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท รองลงมาคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิ 14,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,079 ล้านบาท หรือ 16.4 % เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12,644 ล้านบาท , ธนาคารกรุงไทย มีกำไรสุทธิ 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,026 ล้านบาท หรือ 16% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 6,514 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยูธยา มีกำไรสุทธิ 3,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท หรือ 14% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 3,040 ล้านบาท ,ธนาคารกสิกรไทย มีกำไรสุทธิ 11,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 731 ล้านบาท หรือ 7% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 11,000 ล้านบาท,ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท หรือ 4% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 294 ล้านบาท ขณะที่อีก 4 ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง โดยธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิที่ 9,029 ล้านบาท ลดลง 1221 ล้านบาท หรือ 11.91% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 10,250 ล้านบาท, ธนาคารทิสโก้ มีกำไรสุทธิที่ 991 ล้านบาท ลดลง 168 ล้านบาท หรือ 14.4% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,159 ล้านบาท, ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย มีกำไรสุทธิที่ 184 ล้านบาท ลดลง 46 ล้านบาท หรือ 20% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาทและธนาคารธนชาต มีกำไรสุทธิที่ 1,235 ล้านบาท ลดลง 2,845 ล้านบาท หรือ 70% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 4,080 ล้านบาท ส่วนธนาคารทหารไทยมีรอัตราการเติบโตสูงถึง 924 % เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และยังสามารถขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน อยู่ที่ 15.4% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 ในสัดส่วน 10.7 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธุรกิจแบงก์พาณิชย์ไตรมาส 2 กำไรหด
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs


