นายพีระ ปัทมะวรกุลชัย ประธานกรรมการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค ผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่อีก 2 เฟส คือ นิคม ฯ ปิ่นทองเฟส 4 และ5 รวมพื้นที่แล้ว 2,200 ไร่ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท คาดว่า จะปิดการขายพื้นที่ทั้ง 2 เฟสได้ภายใน 3 ปี โดยจะเริ่มทำตลาดได้ในปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 57 และคาดว่า จะเริ่มสร้างรายได้เข้าบริษัทฯตั้งแต่ไตรมาส4 ปี 57 โดยกลุ่มนักลงทุนเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การขนส่ง พลาสติก และบรรจุภัณฑ์ สำหรับรูปแบบการให้บริการของพื้นที่ใหม่นี้ จะมีทั้งการให้บริการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปเพื่อเช่าและขายที่ดินพร้อมสาธารณูปโภค ครบวงจร ด้วยจุดแข็งหลายด้าน ทั้งอยู่ใกล้กับจุดขนส่งสำคัญ เช่น ท่าเรือแหลมฉบังอยู่ห่างออกไป 9 กิโลเมตร ใกล้ตัวอ.ศรีราชา 15 กม. และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ 65 กม. สะดวกกับการขนส่งสินค้า ขณะที่ตั้งอยู่บนที่สูงไม่ไม่ชิดกับทะเลและแม่น้ำขนาดใหญ่ไม่มีปัญหาน้ำท่วม ขณะที่ราคาเช่าและการขายที่ดินยังอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าเฉลี่ยถึง 23% เมื่อเทียบกับราคาในชลบุรีและในเขตภาคตะวันออก นายทาคาฮารุ ซุเกะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นนั้น ยังมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน และการจะย้ายฐานผลิตออกไปนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะดำเนินการง่ายๆ ที่ผ่านมาการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย ก็มีญี่ปุ่นเข้ามาร่วมพัฒนานักลงทุนทั้งไทยและญี่ปุ่นมีความเข้าใจกันดี ถ้าญี่ปุ่นจะย้ายไปที่อื่นก็ต้องไปสร้างความเข้าใจกันใหม่ โดยขณะนี้ไม่ค่อยห่วงประเด็นว่า จะมีการย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น อินโดนีเซีย เพราะเมื่อเทียบแล้วถือว่าโครงสร้างพื้นฐานของไทยดีกว่ามาก โดยเฉพาะบางประเทศอาจต้องใช้เวลาวางโครงสร้างพื้นฐานถึง 10-15 ปี “ขณะนี้ กลุ่มเอสเอ็มอีผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่นทยอยเข้ามาติดต่อเพื่อเช่าและซื้อที่ดินเพื่อเตรียมการผลิตสำหรับส่งมอบให้กับบริษัทแม่ในประเทศและส่งกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นแล้ว และเชื่อว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคนี้อยู่ โดยแม้จะยังไม่ได้เปิดขายพื้นที่แต่ตอนนี้มีผู้สนใจจองไปแล้วกว่า 70% ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น” นางสมศรี ดวงประทีป กรรมการบริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค กล่าวว่า ระหว่างปี 54-56 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวม 4,077 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 900 ล้านบาท และคาดว่าการเปิดโครงการนิคมอุตสาหกรรม 4 และ 5 จะทำให้บริษัททยอยรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4,800 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีประมาณ 1,600 ล้านบาท
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นิคมฯปิ่นทองขยายพื้นที่รับเอสเอ็มอีญี่ปุ่น
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs