นายสุพรรณ แสงทอง เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ  (ปส.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการต่างๆ อย่างหลากหลายวิธี ซึ่งการฝังวัสดุกัมมันตรังสีไอโอดีน -125 หรือที่เรียกว่า การฝังแร่ไอโอดีน -125 เป็นการรักษาโรคมะเร็งในอวัยวะต่างๆ วิธีหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศ โดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ซึ่งในประเทศไทยมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวค่อนข้างน้อย ผู้ป่วยบางส่วนจึงนิยมเดินทางไปรับการรักษาในต่างประเทศ นายสุพรรณ  กล่าวว่า  ถึงแม้วัสดุกัมมันตรังสีไอโอดีน -125 ที่ใช้ในการรักษาจะมีปริมาณน้อย แต่มีโอกาสได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น  ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน รวมถึงประชาชนทั่วไป สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จึงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษาโดยการฝังแร่  และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ผู้ป่วยต้องไม่อยู่ใกล้กับสตรีมีครรภ์และเด็ก เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรก 2. ในช่วงหนึ่งเดือนแรกควรให้ผู้ป่วยแยกพักต่างหาก ไม่ควรพักรวมกับบุคคลอื่น ยกเว้นกรณีที่ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 3. ในกรณีที่เข้ารับการรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลผู้ป่วยต้องแจ้งให้โรงพยาบาลทราบว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยการฝังแร่ไอโอดีน -125 4. กรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิตหลังการรักษาด้วยการฝังวัสดุกัมมันตรังสี ญาติผู้ป่วยจะต้องแจ้งแพทย์ผู้ให้การรักษา (แพทย์เจ้าของไข้) เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัย โดยให้ดำเนินการตามข้อแนะนำของทางโรงพยาบาล 5. กรณีการฝังศพ สามารถดำเนินการฝังได้ โดยให้ดำเนินการตามข้อแนะนำ ของทางโรงพยาบาล 6. กรณีการฌาปนกิจศพสามารถดำเนินการได้ หากฝังแร่ไอโอดีน-125 มาไม่น้อยกว่า 1 ปี หากไม่สามารถทำได้ ผู้ที่เก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกหลังจากการฌาปนกิจศพ ควรสวมหน้ากากและถุงมือ เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี โดยอัฐิและเถ้าถ่านที่เหลือควรจัดเก็บไว้ในภาชนะโลหะอย่างน้อย 1 ปี 7. ไม่ควรแพร่กระจายอัฐิสู่สิ่งแวดล้อม จนกว่าระยะเวลาผ่านไปประมาณ 20 เดือน  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปส.เตือนผู้ป่วยมะเร็งฝังแร่ไอโอดีน -125 จากต่างประเทศ

Posts related