ปัจจุบันนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากว่า ในกรณีปัญหาการใช้บริการจองที่พักตากอากาศล่วงหน้า ที่เหล่าพนักงานขายพยายามใช้กลยุทธ์ในการขายทุกอย่างเพื่อให้ปิดการขายได้    ให้ผู้บริโภคเสียเงินทำสัญญาเพื่อใช้บริการธุรกิจการจัดสรรวันพักผ่อน (Time Sharing) เป็นการประกอบธุรกิจบริการ ว่าด้วยบริการสถานที่พักตากอากาศสถานที่ออกกำลังกาย โรงแรม รีสอร์ท ทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งจะให้บริการแก่สมาชิกเท่านั้น หากผู้ใดสนใจต้องสมัครเป็นสมาชิกโดยเสียค่าสมาชิกตามอัตราที่กำหนด เมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้วจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการท่องเที่ยวซื้อสิทธิล่วงหน้า แต่เมื่อผู้บริโภคประสงค์จะเข้าใช้บริการกลับใช้บริการไม่ได้ หรือไม่เป็นไปตามที่พนักงานขายได้โฆษณา มีการโฆษณาเกินความเป็นจริงหลอกลวง เช่น บอกจะได้พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวพอกลับมาเช็กดูข้อมูล ดันเป็นโรงแรม 2-3 ดาว บ้างก็กลายเป็นอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ไปแทนโรงแรมหรูเสียได้ ผู้บริโภคบางคนถูกชักชวนให้ทำสัญญาเป็นเงินไม่กี่หมื่นแต่บางคนถูกหลอกให้ทำสัญญาเป็นหลักแสนก็มีโดยสัญญาเหล่านี้มักจะผูกพันผู้บริโภคยาว   นานทีเดียว ซึ่งในขณะนี้ สคบ. ก็ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจการให้บริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาพ.ศ. 2556 โดยประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไปซึ่งสาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าวคือผู้ประกอบการจะต้อง ระบุสถานที่พักจำนวนห้องที่แน่ชัดว่ามีจำนวนเพียงพอกับลูกค้าหรือไม่ รวมถึงระยะเวลาในการยกเลิกสัญญาการเข้าใช้บริการ เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าไม่สามารถรับรู้ข้อมูลทั้งหมดถูกเอาเปรียบจากการจัดเก็บค่าใช้บริการและไม่สามารถยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด รวมถึงไม่สามารถเข้าใช้บริการตามวันเวลา สถานที่ที่ผู้ประกอบการได้แจ้งไว้ วิธีหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตก็คือหากต้องการสมัครใช้บริการจองที่พักตากอากาศล่วงหน้าก็ควรศึกษารายละเอียด ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้น ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใดเพราะปัจจุบันเราสามารถสืบหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่าย ซึ่งก็คงมีไม่น้อยที่จะมีผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนมาเขียนเล่าเรื่องราวบอกกันให้รู้ อีกหนึ่งข้อที่สำคัญคือการใส่ใจที่จะอ่านสัญญาให้รอบคอบดูให้ดีว่าเนื้อหาของสัญญาควรมีอะไรบ้าง ชื่อสัญญา ในการเขียนสัญญา ควรมีชื่อของสัญญาเพื่อให้สามารถพิจารณาได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นสัญญาเกี่ยวกับเรื่องอะไร วัตถุประสงค์ในการทำสัญญา คู่สัญญาเป็นใคร สัญญาต้องบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นสัญญาระหว่างใครกับใคร โดยอาจเป็นบริษัทกับบริษัท หรือระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือบุคคล กับบุคคล ระยะเวลาของสัญญา สัญญาต้องมีการกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด โดยระบุวันที่สัญญาเริ่มมีผลและวันที่สิ้นสุด ทั้งนี้ควรมีการระบุสถานที่ที่ทำสัญญาด้วย สิทธิ ภาระหน้าที่หรือความรับผิดชอบต่อกันอย่างไรตามเนื้อหาที่สัญญาได้กำหนดไว้ เนื้อหาของสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่สัญญา ว่าเป็นเรื่องอะไร เช่น ซื้อขาย การให้บริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พัก เงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ราคา และจำนวน มูลค่าตามสัญญาทั้งหมดเท่าไร การส่งมอบสินค้า การตรวจรับสินค้าและการคืนสินค้า การชำระเงิน  เป็นต้น   รวมไปถึงเรื่องของการดำเนินการ   เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา การบอกเลิก สัญญา สัญญาควรมีการกำหนดเงื่อนไขในการบอกเลิกสัญญาของแต่ละฝ่ายไว้ด้วยว่าจะสามารถทำได้ในกรณีใดบ้าง และต้องบอกล่วงหน้าเป็นระยะเวลาเท่าไร และแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบอะไรจากการบอกเลิกสัญญา.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปัญหาการใช้บริการจอง ที่พักตากอากาศล่วงหน้า – ไขปัญหา ผู้บริโภค

Posts related