นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย – รัสเซีย เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทูตการค้ารัสเซีย ประจำประเทศไทย ได้หารือร่วมกับส.อ.ท. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์ และกรมประมง โดยขอให้ไทยเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าอาหาร เพื่อทดแทนสินค้าอาหารจากสหภาพยุโรป (อียู) หลังรัสเซียออกมาตรการห้ามนำเข้าอาหารจากอียูเป็นเวลา 1 ปี โดยสินค้าหลัก ที่จะนำเข้าจากไทยได้แก่ เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ผักผลไม้ และอาหารกระป๋อง“ที่ผ่านมาชาวรัสเซีย ชื่นชอบอาหารไทยมากพอสมควรอยู่แล้ว ผ่านทางนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย ที่มีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 จึงถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญของไทย ในการส่งสินค้าเข้าไปเจาะตลาดรัสเซีย ที่มีประชากรกว่า140 ล้านคน โดยสินค้าจากยุโรปเข้ามาแข่งขัน ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของส.อ.ท.ได้ตอบรับกับทูตการค้ารัสเซียอย่างเต็มที่ ส่วนคู่แข่งที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ก็มีเพียงเวียดนาม แต่รัสเซีย ก็ได้ย้ำว่าต้องการนำเข้าอาหารจากไทยเป็นหลักก่อน เพราะมีมาตรฐานที่ไว้วางใจได้”นอกจากนั้น รัสเซียยังให้ความสำคัญกับสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ และยาพาราจากไทย เนื่องจากรัสเซียได้ตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของยุโรป รองจากประเทศเยอรมัน และเป็นอันดับ 1 ของยุโรปตะวันออก คาดว่าจะมียอดการผลิตรถยนต์กว่า1 ล้านคันต่อปี จึงจำเป็นต้องขยายการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อรถยนต์อีกมาก ซึ่งตรงกับศักยภาพการผลิตของไทยที่รองรับกับอุตสาหกรรมของรัสเซียได้ โดยเดือนธ.ค. 56 ที่ผ่านมา ได้นำร่องสั่งซื้อยาพาราแผ่นจากไทย มูลค่ากว่า1,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งจะช่วยยกระดับราคายางพาราในประเทศได้ส่วนหนึ่ง“ไม่เพียงแต่ความร่วมมือทางการค้าเท่านั้น นักธุรกิจรัสเซียยังได้ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในไทย เพื่อเป็นประตูการเข้าเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)รวมทั้งยังสนใจเข้ามาลงทุนในระบบสาธารณูปโภคในไทย เช่น โครงการรถไฟฟ้า การวางท่อก๊าซ โครงการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งจำหน่ายอาวุธ น้ำมันดิบ และก๊าซให้กับไทย เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก และส่งออกน้ำมันอันดัง 2 ของโลกรีองจากซาอุดิอารเบีย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ผู้ส่งออกไทยเฮได้สิทธิ์ส่งอาหารเข้ารัสเซียเพิ่ม

Posts related