พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเลิกโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ หรือกองทุนตั้งตัวได้ วงเงิน 1,300 ล้านบาท โดยให้นำเงินไปดำเนินการตามแผนปฎิบัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ปี 58-59 ที่เน้นส่งเสริมใน 2 กลุ่มธุรกิจ คือกลุ่มเอสเอ็มอีที่เติบโตสูงของไทย 12 กลุ่มสาขาธุรกิจ และกลุ่มเอสเอ็มอีที่สำคัญต่อกลุ่มธุรกิจไทย 7 กลุ่มสาขาธุรกิจแทนทั้งนี้กองทุนตั้งตัวได้สิ้นสุดเวลาดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 57 หลังจากเปิดโครงการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 54 ขณะเดียวกันคณะกรรมการเอสเอ็มอีเฉพาะกิจ ได้มีโยบายให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมเอสเอ็มอีจึงกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเอสเอ็มอี จึงเห็นชอบให้ยุบเลิกกองทุนตั้งตัวได้แล้วนำเงินงบประมาณที่มีอยู่ไปขับเคลื่อนตามแผนเอสเอ็มอีต่อไป“เดิมกองทุนตั้งตัวได้ เป็นการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณปี 55 วงเงิน 1,300 ล้านบาท โดยมีเวลาดำเนินการ 1 ปี คือ จาก 1 ต.ค.54- 30 ก.ย. 55 โดยมีเป้าหมาย คือ บ่มเพาะเอสเอ็มอีรายใหม่ จากนิสิต นักศึกษา บัณฑิต ที่จบใหม่ รวมถึงประชาชนทั่วไป รวม 20,000 ราย เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้ได้วงเงิน 2,000 ล้านบาท และต่อมาคณะกรรมการบริหารเอสเอ็มอี ได้มีมติให้ขยายเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึง 30 ก.ย. 57”อย่างไรก็ตามครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ก.ค.55 ให้จัดตั้งทุนหมุนเวียนเป็นกองทุนตั้งตัวได้ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา หรือสกอ. ที่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณปี 56 อีก 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและสสว.ไปหารือแนวทางบริหารจัดการงบประมาณ โดยพบว่าไม่สามารถนำเงินจากกองทุนตั้งตัวได้ของสสว.มารวมกับกองทุนตั้งตัวได้ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงต้องยุบเลิกไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ยกเลิกกองทุนหมุนเวียน

Posts related