นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทลลิลพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐเป็นปัจจัยหลัก โดยเฉพาะแผนการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเช่น โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมทั้งดอกเบี้ยที่ต่ำ ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น หลังมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศและภาคการส่งออกที่น่าฟื้นตัวในช่วงไฮซีซั่นในส่วนของบริษัทได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ แลนซีโอ คริปรวม 7 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท โดยอยู่ในกทม.และปริมณฑล 3 โครงการ ต่างจังหวัดอีก 4 โครงการ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรรับที่ดีจากลูกค้าและไตรมาส 4 นี้จะเปิดตัวโครงการแนวราบอีก2-3 โครงการ มูลค่ารวม 1.7-1.8 ล้านบาท ในกทม. 2 โครงการ ต่างจังหวัด 1 โครงการหลัง 3 ไตรมาสแรกเปิดโครงการไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท และทำให้รายได้ทั้งปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้าที่ 2,300 ล้านบาท โดยช่วง 9เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 2,500 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้จะได้ 3,200 ล้านบาทตามเป้าหมายแน่นอน และปัจจุบันมีงานในมือ (แบล็ค ล็อค) 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไปจนถึงต้นปีหน้า“บริษัทยังคงรุกตลาดแนวราบเป็นหลักและบุกต่างจังหวัดมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนต่างจังหวัดจาก 20-30% เป็น 30-40% เนื่องจากเห็นว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกทม.นั้นหลายพื้นที่เริ่มมีสินค้ามากเกินความต้องการซื้อ (โอเวอร์ซัพพลาย) จากทั้งราคาที่ดินค่าก่อสร้างที่สูงขั้นมาก เป็นแรงกดดันให้ตลาดกทม.เติบโตช้าลงเราจึงจะขยายธุรกิจออกต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะแนวราบ เพราะมองว่าคอนโดฯยังไม่จำเป็นสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดมากนัก และสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังมาจากแนวราบ 80%เป็นคอนโดฯ 20%เท่านั้น”อีกทั้งยังมีปัจจัยลบที่ต้องจับตาดูต่อเนื่องโดยเฉพาะ หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 80% ของจีดีพี ภาวะเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวอยู่แม้ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่ปัญหาแรงงานขาดแคลนที่รุนแรงนั้น เริ่มดีขึ้นเล็กน้อยหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาจัดระบียบแรงงานต่างด้าวรวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ที่จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจเพราะทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอลง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ลลิล”บุกอสังหาฯต่างจังหวัด

Posts related