รับภารกิจสำคัญจากคสช.หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มตั้งรัฐบาลชุดใหม่กับหน้าที่แม่งานในการเดินหน้าปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอัพเดทความคืบหน้า….กับ “รศ.ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ” ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่วันนี้บอกว่า เริ่มเห็นอนาคตและทิศทางของการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ฯ มากขึ้น หลังจากที่มีความพยายามในการจะปฏิรูปกันมา หลายยุคหลายสมัย แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที แม้จะมีพระราชบัญญัติหรือแผนกลยุทธ์การพัฒนาที่เขียนไว้อย่างชัดเจน แต่ปัญหาสำคัญก็คือการนำไปใช้อย่างไรให้ประสบความสำเร็จดังนั้นการปฏิรูปครั้งนี้จึงวางเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างแรกคือการผลักดันให้ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ ที่รวมทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ปัจจุบันมีประมาณ 0.37% ของจีดีพี ต้องเพิ่มเป็น 1% ภายในปี 2558 หรือใน 1 ปี และต้องไปถึง 2% ในปี 2564และความพยายามนี้ต้องไม่ใช่มาจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเชื่อมโยงถึงภาคเอกชนด้วย ซึ่งจากการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการวิจัย รวมถึงมาตรการด้านภาษี และการสนับสนุนด้านอื่น ๆ เป้าหมายต่อไปของการปฏิรูปก็คือ การเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ด้านวิจัยและพัฒนาของภาครัฐและเอกชน จากปัจจุบัน รัฐบาลลงทุน 70% เอกชน 30% จะต้องเพิ่มเป็น 50 ต่อ 50 และอนาคตจะกลายเป็นรัฐบาล 30% เอกชน 70% ซึ่งเทียบเท่ากับเกาหลีที่มีความก้าวหน้าด้านนี้ ในปัจจุบัน นอกจากนี้จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรวิจัยให้ได้ถึง15-25 คนต่อประชากร 1 หมื่นคน เป้าหมายของการปฏิรูปเหล่านี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในนโยบายด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยา ศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ของรัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาปลัดกระทรวงวิทย์ฯ ย้ำว่า สิ่งแรกที่ จะต้องทำก็คือการโฟกัสเทคโนโลยี หรือการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีแบบพุ่งเป้า ไม่ใช่วิจัยแบบกระจัดกระจาย หรือต่างคนต่างทำเหมือนทุกวันนี้ต้องฟันธงไปเลยว่าไทยจะมุ่งในเทคโนโลยีใด ควรเป็นเทคโนโลยีที่เราถนัด อย่างเช่น ด้านการเกษตร และไม่ควรเป็นเทคโนโลยีที่ต้องไปแข่งกับประเทศที่พัฒนาแล้วสำหรับการโฟกัสเทคโนโลยีนี้ คาดว่าจะเห็นผลได้ภายใน 6 เดือน และหากโฟกัสเทคโนโลยีของประเทศกันแล้ว การจัดสรรงบประมาณต้องสอดคล้องไปด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การปฏิรูปวิทยาศาสตร์ฯ ประสบความสำเร็จ ก็คือ อำนาจการสั่งการ ที่จะทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ต้องมาจากผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาล หรือมาจาก “นายกรัฐมนตรี” นั่นเอง.นาตยา คชินทรnattayap.k@gmail.com
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ลุ้นอนาคตปฏิรูปวิทยาศาสตร์กันอีกครั้ง!! – ฉลาดคิด
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs