วันนี้ (26ส.ค. 2557 ) ดร.ทวีศักดิ์   กออนันตกูล   ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) เปิดเผยว่า สวทช.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ระดับสากล กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสมาคมค้าเมล็ดพันธุ์ไทย เป็นระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ปี2557-2562 เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ระดับสากล  ทั้งด้านการจัดทำแผนแม่บทยุทธศาสตร์   แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ ตลอดจนการสนับสนุนส่งเสริมการวิจัยพัฒนาอย่างครบถ้วนสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์พืช  การผลิตเมล็ดพันธุ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการนำเข้า-ส่งออก ด้านการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการเมล็ดพันธุ์ภายในประเทศและส่งออกการต่อยอดเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทยและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องการต่อยอดความมั่นคง และความยั่งยืนของเมล็ดพันธุ์ไทย ทั้งนี้ สวทช.เห็นความสำคัญและศักยภาพของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทย หากมีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมาก  นอกจากนี้ยังสนับสนุนโปรแกรมเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ปี2549  ถึงปัจจุบัน โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ ทั้งภาครัฐ  สถาบันการศึกษาต่างๆ และภาคเอกชนในรูปแบบคลัสเตอร์เมล็ดพันธุ์   มีการจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ร่วมกัน2 ฉบับใช้เป็นยุทธศาสตร์วิจัยและพัฒนาด้านเมล็ดพันธุ์ของ สวทช.ที่สนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์  โดยให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนา เช่นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การปรับปรุงพันธุ์  การสร้างองค์ความรู้ด้านโรคและแมลงศัตรูการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อการส่งออกเมล็ดพันธุ์ การพัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อใช้ในการควบคุมโรคและแมลงศัตรู อย่างไรก็ดีประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงโดยสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ดีได้หลากหลายชนิดมีมูลค่ารวมกว่า 9,325ล้านบาทต่อปี  มีตลาดส่งออกที่สำคัญทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเซียแปซิฟิกทั้งนี้ภายหลังการลงนามความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันจัดทำแผนแม่บทยุทธศาสตร์ต่าง ๆรวมถึงแนวทางการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมทั้ง 5 ด้านคือการวิจัยและพัฒนาอย่างครบถ้วนสอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์  การผลิต จำหนายนำเข้าและส่งออกเมล็ดพันุ์ที่หลากหลาย คุณภาพดีและเพียงพอกับความต้องการการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นระบบชลประทาน  ระบบฐานข้อมูลเชื้อพันธุธรรมพืช และข้อมูลศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ระดับสากล  อย่างมั่นคง ยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สวทช.จับมือก.เกษตรดันไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์สากล

Posts related