น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัย มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา เปิดเผยรายงานการศึกษาเรื่องข้อสังเกตเรื่องภาษีมรดก ว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีมรดกจะส่งผลให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมการออม โดยจะโยกย้ายสินทรัพย์ไปต่างประเทศ หรือสะสมทรัพย์สินที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมรดก ซึ่งกลุ่มที่มีทรัพย์สินมากมีแรงจูงใจหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่า เช่น กรณีของประเทศอังกฤษที่เก็บภาษีมรดกในอัตราที่สูงถึง 36% ต้องใช้งบประมาณกว่า 50,000 ล้านบาทระหว่างปี 54-58เพื่อต่อต้านการหลีกเลี่ยงภาษีมรดก โดยการโยกย้ายเงินไปไว้ที่ประเทศอื่น ทำให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับประเทศที่เป็นศูนย์กลางของการบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคล เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ทั้งนี้พบว่า การกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีดังกล่าวของไทยในอัตรา 10% ยังทำให้ไทยติด 1ใน5 ของประเทศที่มีอัตราภาษีมรดกเริ่มต้นสูงสุด เพราะจากข้อมูลที่มีการเปิดเผย อัตราภาษีที่จะเก็บ 10% ของสินทรัพย์มรดกสุทธิที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ประเภทของสินทรัพย์ที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี คือ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ พันธบัตร และหุ้น ถ้าไทยเก็บภาษีในอัตราดังกล่าว ส่งผลให้ไทยเก็บภาษีชนิดนี้ในอัตราเดียวกับประเทศญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งประเทศเหล่านี้มีรายได้ต่อหัวสูงกว่าไทย 7-8 เท่าอย่างไรก็ตามการเก็บภาษีนี้มีเพียง 9 จาก 13 ประเทศเท่านั้นที่เก็บในแบบอัตราก้าวหน้า โดยเก็บเป็นขั้นที่สูงขึ้นตามมูลค่ามรดกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันในการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมีเพียง 13 จาก 15 ประเทศเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ประเทศในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ โดยส่วนใหญ่จะจัดเก็บภาษีจากผู้ที่ได้รับมรดก ซึ่งประเทศไทยเองก็จะใช้วิธีดังกล่าวในการจัดเก็บ มีเพียง 3 คือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ที่เก็บภาษีจากกองมรดกน.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เดิมมี 11 ประเทศที่เคยใช้ภาษีมรดก แต่ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และแคนาดา เพราะต้องการสร้างแรงจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาสะสมทุน เช่น สิงคโปร์ เนื่องจากมีการหลีกเลี่ยงภาษีมาก และไม่คุ้มค่ากับต้นทุนในการบริหารจัดการ เช่น ออสเตรเลีย เพราะนำภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์มาใช้แทน อย่างประเทศแคนาดา ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาก็กำลังพิจารณายกเลิกการจัดเก็บภาษีดังกล่าว เพราะค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสูงมาก ทำให้เหลือรายได้สุทธิเข้ารัฐน้อยทั้งนี้ภาระภาษีที่มีอยู่ระหว่างทางนั้นมีไม่น้อยอยู่แล้ว การดูภาษีจำเป็นต้องดูให้ครบถ้วน จะดูเฉพาะภาษีมรดกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะก่อนที่จะกลายเป็นมรดกก็ต้องเสียภาษีมาในระหว่างทางจำนวนไม่น้อย เช่น ภาษีที่เก็บจากรายได้ เก็บจากเงินปันผล เก็บจากดอกเบี้ย และประเทศไทยเองก็มีการจ่ายภาษีอยู่หลายประเภท และจ่ายในอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ห่วงเถ้าแก่ขนเงินไปนอกหนีภาษีมรดก
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs