นายสุริยา ประทีปมโนวงศ์ นายกสมาคมเครื่องหนังไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นเครื่องหนังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากสินค้าจากประเทศจีนราคาถูกเข้ามาตีตลาดสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภทหนังเทียมที่บริโภคเริ่มนิยมใช้มากขึ้น รวมถึงรัฐบาลมีนโยบายลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าแบรนด์เนมจาก 30%เหลือ 0-5% ก็ส่งผลกระทบต่อการค้าในประเทศค่อนข้างมาก เพราะการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศโดยตรงจะมีราคาใกล้เคียงกับสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยยังประสบปัญหาการผลิตในประเทศขาดแคลนแรงงานฝีมืออย่างมาก ขณะที่ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงทั้งจากค่าแรง และต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เช่น การนำเข้าหนัง และอะไหล่อุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25-30% ส่งผลให้สินค้าไทยมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10% “ปัญหาที่สำคัญที่สุดของภาคการผลิตในปัจจุบันนี้ คือ ปัญหาแรงงานฝีมือ ที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะการฝึกแรงงานแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานเป็น 10 ปี นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบสูง จึงต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่ถูกที่สุด” นายสุริยา กล่าวว่า การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ในอุตสาหกรรมเครื่องหนังถือว่าทำได้ยาก เพราะประเทศอื่นก็ขาดแคลนแรงงานฝีมือเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ นักออกแบบ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมมือกับภาครัฐโดยได้นำนักออกแบบจากอิตาลีเข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าและการออกแบบ เพื่อช่วยยกระดับให้สินค้าไทย สำหรับการส่งออกสินค้าเครื่องหนังในภาพรวมของปี 56 คาดว่าจะเติบโตได้ 10% จากปีก่อน เนื่องจากสินค้าของไทยยังเป็นที่ต้องการจากตลาดโลก โดยฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศในแถบสแกนดิเนเวียเพราะผู้ประกอบการได้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาหนังที่มีน้ำหนักเบา เพื่อมาแข่งขันกับสินค้าหนังเทียมที่เข้ามาตีตลาด ขณะที่ในปี 57 คาดการณ์ว่าสถานการณ์การส่งออกจะเติบโตขึ้นประมาณ 10-15% เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทซ กล่าวว่า สินค้าแฟชั่นเครื่องหนังของไทยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2556) มีมูลค่า 41,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการส่งออกไปตลาดสำคัญ เช่น ฮ่องกง จีน เสียดนาม ญี่ปุ่น มีแนโน้มดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกโดยรวมทั้งปีจะมีมูลค่า 53,000 ล้านบาท ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4%

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เครื่องหนังไทยถูกจีนตีกระเจิง

Posts related