นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ว่า ที่ประชุมได้ข้อยุติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด เพื่อเตรียมเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 12 มิ.ย.57 และจัดทำยุทธศาสตร์งบประมาณรายจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 15 ก.ค.57 ก่อนจัดทำร่างเพื่อเสนอฝ่ายนิติบัญญัติ (คสช.) ในวันที่ 29 ก.ค.57 เพื่อให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 58 มีบังคับใช้ทันวันที่ 1 ต.ค.57 ทั้งนี้ สมมติฐานการจัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายปี 58 ได้คาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 58 ที่ 4% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 2.3% โดยภาพรวมงบประมาณรายจ่ายยังคงใกล้เคียงปี 57 ที่เป็นการขาดดุลงบประมาณในช่วง 200,000-250,000 ล้านบาท และมีสัดส่วนงบลงทุนที่ 17.5% ของรายจ่ายโดยรวมเท่ากับปีก่อน ส่วนงบประมาณรายจ่ายภาพรวมนั้นที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านบาท และรายได้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ จนกว่าจะนำเข้าเสนอ คสช. ในที่ 12 มิ.ย.นี้ “สำนักงบประมาณยังต้องทำงบแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 58 เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างน้อย 4% แต่ก็ยังยืนยันกรอบการทำงบประมาณรายจ่าย ที่เป็นงบแบบสมดุลภายในปี 60 เช่นเดิมที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยงบประมาณรายจ่ายปี 58 นั้น จะเน้นไปที่รายจ่ายลงทุนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายได้ตามสมมุติฐานที่วางไว้ ส่วนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และโครงการลงทุนบริหารจัดการโครงการน้ำ 350,000 ล้านบาท จะหารืออีกครั้ง เพื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งหลายโครงการก็มีความจำเป็น เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า ในส่วนนี้ก็ยังต้องคงงบลงทุนไว้ ซึ่งแผนโครงการว่ารายละเอียดอะไรบ้างจะหารือในระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์งบประมาณทั้งหมดก่อนเสนอ คสช.เช่นกัน” รายงานข่าวจากสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำหรับการหารือของ 4 หน่วยงาน ได้เสนอสมมุติฐานตัวเลขจีดีพีที่ไม่ตรงกัน แต่ได้ข้อสรุปร่วมกันที่ 4% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย ส่งผลให้จำเป็นต้องปรับตัวเลขการขาดดุลงบประมาณ เพื่อเพิ่มวงเงินขาดดุลงบประมาณเป็น 250,000 ล้านบาท จากเดิมที่กระทรวงการคลังเสนอว่าขาดดุลที่ 200,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ตัวเลขเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาทก็เป็นเรื่องที่ยากเกินไป ซึ่งจะต้องมีการปรับลดตัวเลขรายได้ลง ทำให้วงเงินขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นไปด้วย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เคาะจัดทำงบประมาณปี 58
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs