วันนี้(19 ธันวาคม)ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)อาคารจัตุรัสจามจุรี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ร่วมกับ อพวช. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน จัดแถลงข่าวเปิดตัว“โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี” พร้อมทั้งเปิดตัวหนังสือ “PolarHarmony” ที่อพวช. จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมภาพและเนื้อหาเกี่ยวกับบรรยากาศสิ่งมีชีวิตและภารกิจของนักวิทยาศาสตร์ณ ดินแดนขั้วโลกใต้ เพื่อเผยแพร่แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ศาสตราจารย์ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. และรองประธานกรรมการโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดากุมารี กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นคนไทยคนแรกที่เดินทางไปยังทวีปแอนตาร์กติก ในปีพ.ศ. 2532 โดยเสด็จฯ เยือน และทรงประทับ ณสกอตต์เบส (Scott Base) ซึ่งเป็นสถานีวิจัยของประเทศนิวซีแลนด์และได้ทรงเยี่ยมสถานีวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกาทรงทอดพระเนตรการศึกษาวิจัยของคณะนักวิทยาศาสตร์นิวซีแลนด์และสหรัฐอเมริกา ภายในสถานีวิจัยทั้งสองและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งด้านชีววิทยา ธรณีวิทยา อุตุนิยมวิทยาสภาวะแวดล้อม ฯลฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริว่า ควรจะมีโครงการสนับสนุนให้นักวิจัยไทยได้เดินทางไปทำงานวิจัยที่ขั้วโลกใต้อย่างสม่ำเสมอเพื่อประโยชน์ในด้านวิชาการ และการสร้างองค์ความรู้ นอกจากนี้ทรงมีพระราชดำริว่า หากได้ร่วมมือกับประเทศจีนก็จะเป็นการดีเพราะทรงเสด็จฯเยือนจีนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศทั้งสองเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่6-11 เมษายน 2556 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้เสด็จฯเยี่ยมชมการดำเนินงานของสำนักงานบริหารกิจการทางทะเล (State OceanicAdministration) กรุงปักกิ่ง และสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งจีน (Polarresearch Institute of China) ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งสถาบันทั้งสองได้ถวายการต้อนรับเป็นอย่างดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านการวิจัยขั้วโลก ในการนี้ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ สวทช.สนองพระราชดำริ ใน โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สวทช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการวิจัยขั้วโลก(Chinese Arctic and Antarctic Administration: CAA) สังกัดสำนักงานบริหารกิจการทางทะเลของจีนเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทั้งนี้กิจกรรมแรกของโครงการฯคือการส่ง2 นักวิจัยหญิงไทย ที่ได้รับการคัดเลือกและได้รับพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงโปรดเกล้าฯ ให้นักวิจัย 2 ท่าน คือรศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ และ ผศ.ดร.อรฤทัยภิญญาคง จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางไปร่วมกับคณะสำรวจทวีปแอนตาร์กติกจีนครั้งที่30 หรือ CHINARE30 (30th Chinese Antarctic ResearchExpedition) ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 15กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 โดยทั้งสองท่านจะไปทำงานวิจัยที่สถานีวิจัยเกรทวอลล์ (GreatWall Station) ซึ่งเป็นสถานีวิจัยของจีนที่ขั้วโลกใต้ โดยจะออกเดินทางก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อศึกษาวิจัยดินขั้วโลกใต้และศึกษาวิจัยทางทะเลที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ด้านศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ หารหนองบัวคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมอีกครั้ง ในการเดินทางเพื่อการศึกษาวิจัยพื้นที่ขั้วโลกใต้โดยครั้งแรกนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.วรณพ วิยกาญจน์ ได้รับการคัดเลือกจากสวทช. ให้เป็นตัวแทนนักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรก ที่เข้าร่วมสำรวจทวีปแอนตาร์กติก ร่วมกับคณะสำรวจทวีปแอนตาร์กติกญี่ปุ่นที่ 46 ในเดือนพฤศจิกายน2547 และในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552 รศ. ดร.สุชนา ชวนิชย์ จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนที่สองจากมหาวิทยาลัย และเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงไทยคนแรกที่ได้รับเกียรติให้ร่วมเดินทาง เพื่อทำวิจัยกับคณะสำรวจ JARE-51(จาเร่51) โดยได้รับการสนับสนุนจาก สถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน สำหรับการวิจัยครั้งนี้ ดร.สุชนาชวนิชย์ ได้วางแผนการศึกษา “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสัตว์ทะเลบริเวณชายฝั่งทะเลทวีปแอนตาร์กติก” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่จากการเก็บตัวอย่างเมื่อปี2547/2548และปี 2552/2553 และได้วางแผนที่จะดำน้ำลึกโดยใช้ชุดดำน้ำแบบแห้ง(dry suit) เพื่อสังเกตพฤติกรรมพร้อมเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิต รวมถึงกำหนดเก็บตัวอย่างดินและดินตะกอนในทะเลด้วย ส่วนดร.อรฤทัย ภิญญาคง นั้น จากการศึกษาตัวอย่างดินตะกอนจากสถานีวิจัยโชว์วะและพื้นที่ใกล้เคียงของดร.สุชนา ชวนิชย์ มาทำการศึกษาในเบื้องต้นตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งพบว่ามีจุลินทรีย์หลายชนิดที่มีประโยชน์ในการศึกษาต่อในเชิงลึก จึงกำหนดหัวข้อ “การวิเคราะห์ความหลากหลายและหน้าที่ของจุลินทรีย์ในตัวอย่างดินและดินตะกอน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้าที่ของจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยสลายทางชีวภาพของสารมลพิษต่างๆเช่น ปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น โดยคาดว่าการศึกษาดังกล่าวสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลที่สำคัญในการบ่งชี้แนวทางบำบัดสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนสารมลพิษในพื้นที่ศึกษารวมถึง พื้นที่อื่นที่มีอุณหภูมิต่ำได้เช่นกัน
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เตรียมส่ง2นักวิจัยหญิงไทยเยือนขั้วโลกใต้ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพฯ
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs