ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองที่กำลังถาโถมเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้กลายเป็นความหวังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าตามเป้าหมายแต่เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวงการท่องเที่ยวไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปลี่ยนหัวเรือใหญ่ “ธวัชชัย อรัญญิก” ขึ้นเป็นผู้ว่าการ ททท.คนใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ  ในโอกาสนี้รายการ “เศรษฐกิจติดจอ” ทางช่องเดลินิวส์ทีวี จึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์เปิดใจเป็นรายแรกถึงนโยบายขับเคลื่อนท่องเที่ยวในปี 57    ผู้ว่าการธวัชชัย เริ่มเล่าว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือนโยบายผลักดันการท่องเที่ยวแบบเร่งด่วน หรือเรียกว่า  (ควิกวิน) เพื่อรับมือปัญหาการท่องเที่ยวบางตลาดที่ชะลอตัว และนักท่องเที่ยวยังไม่ตัดสินใจเดินทางมาเนื่องจากปัญหาการเมืองภายใน ที่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นชาวต่างชาติไปมาก แต่การฟื้นภาพลักษณ์ไทยในทันทีอาจทำได้ยากเพราะภาพและข่าวที่นำเสนอออกไปได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วทั้งจากสื่อในประเทศและต่างชาตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็คิดว่าประเทศไทยเป็นแบบนี้ทั้งหมด  ทั้งที่จริงสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นเพียงเฉพาะแห่งเท่านั้น ไม่ได้เกิดทั้งประเทศ ดังนั้นสิ่งแรกที่เร่งทำงานหลังรับตำแหน่งใหม่ คือ การทำนโยบายประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นควบคู่ไปกับการทำตลาดแบบดิจิตอลเชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้นักท่องเที่ยวได้เห็นอย่างรวดเร็ว เริ่มจากการพัฒนาเว็บไซต์ของ ททท. คือ  www.tourismthailand.org/ ให้มีศักยภาพเพิ่มเพื่อรองรับการนำข้อมูลจากกล้องวงจรปิด (กล้องซีซีทีวี) ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศไปถ่ายทอดสดออกไปให้เห็น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถดูสถานที่ท่องเที่ยวได้ ณ ตอนนั้น และเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่จะไปนั้นไม่ได้รับผลกระทบด้านการชุมนุมประท้วงเลย “ที่ผมต้องเร่งฉายภาพให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพชัด ๆ แบบนี้ เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่ยังไม่เคยเดินทางมาในประเทศไทย (เฟิสต์ วิสิท) เพราะหากเห็นภาพแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรก จะต้องเกิดความกังวลใจมากส่วนในกลุ่มนักท่องเที่ยวขาประจำไม่น่ากังวลเพราะกลุ่มนี้คุ้นชินกับสภาพบ้านเมืองไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของ ททท. คือต้องการได้นักท่องเที่ยวมีคุณภาพใช้จ่ายสูง ซึ่ง กลุ่มเฟิสต์ วิสิทเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้น แผนเร่งด่วนนี้จึงต้องเร่งทำให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว” นอกจากนี้ ททท. ยังจะปรับแผนประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวให้เร็วขึ้น จากปกติปีละ 1 ครั้ง เป็น 3 เดือน ครั้ง หรือทุกไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้นว่ามีทิศทางไปในแนวทางใด และหากตลาดใดมีแนวโน้มที่เติบโตถดถอย ททท. ก็สามารถเข้าไปปรับแผนเร่งทำตลาดได้อย่างทันท่วงที     ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายทั้งภาครัฐและ เอกชน เป็นห่วงเกี่ยวกับการชุมนุมที่ยืดเยื้ออาจกระทบต่อเป้าหมายด้านการเติบโตของนักท่องเที่ยวลดลงในปี 57 ว่า ส่วนตัวมองว่าไม่น่ามีผลกระทบให้ลดลง โดยยืนยันว่า ปี 57 นักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 28.01 ล้านคน เติบโตประมาณ 7.28% และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.326 ล้านบาท เติบโต 13% ซึ่งตลาดหลักที่จะเดินทางเข้ามามากที่สุด คือ จีนและ รัสเซีย ขณะเดียวกัน ททท. จะเน้นการเจาะตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูง (ไฮเอนด์) ที่ถึงแม้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 10% ทั่วโลก แต่ ททท. พยายามรักษาระดับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังคงอยู่ และมาเที่ยวไทยเหมือนเดิมมากกว่าให้สอดคล้องกับนโยบายที่ต้องการเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ    อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวในระดับล่างถึงกลางนั้น ก็ไม่ได้เพิกเฉยไป เพราะถือเป็นกลุ่มที่เดินทางมาประเทศไทยบ่อยอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำคือจะพยายามกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่ม และโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้เกิดกระจายตัวไปแหล่งอื่น เช่น กลุ่มสแกนดิเนเวียที่เคยเที่ยวภูเก็ตและชอบความสงบ แต่ปัจจุบัน ภูเก็ตกลับมีนักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียที่ชื่นชอบความบันเทิงเข้ามามากขึ้น กลุ่มสแกนฯ จึงหันความสนใจไปท่องเที่ยวเขาหลัก จังหวัดพังงาแทน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการกระจายความแออัดและลดความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว    ดังนั้นในปีหน้า ททท. จึงเตรียมจัดหาแหล่งท่องเที่ยวรองเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้นโดยในเดือน ม.ค. 57 จะเปิดโครงการใหม่เป็นของขวัญให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ภายใต้แคมเปญ “หลงรักประเทศไทย” อยู่ภายใต้โครงการดรีม เดสติเนชั่น กาลครั้งหนึ่งที่คุณต้องไป เพื่อประชาสัมพันธ์และทำการตลาดในการดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้รับรู้ว่าประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในไทย ที่ทุกคนคาดคิดไม่ถึง และมีความสวยงามอยู่มากมาย  จึงเชื่อว่าจากนโยบายเร่งด่วนที่กำลังเร่งทำเพื่อลดผลกระทบทางการเมืองประกอบกับการออกแคมเปญช่วยลดปัญหาแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม จะช่วยทำให้การท่องเที่ยวในสายตาของชาวต่างชาติได้ดีขึ้นและสามารถผลักดันรายได้การท่องเที่ยวในปี 57 ให้ถึงเป้าหมายได้. เอวิกานต์ บัวคง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดอก ‘ธวัชชัย อรัญญิก’ แผนผลักดันท่องเที่ยวปี57

Posts related