นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า สปป.ลาวและเมียนม่าร์ ได้ยื่นหนังสือมายังกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อขอเพิ่มปริมาณการนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ครัวเรือนจากไทยเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ มีมาตรการเข้มงวดในการลักลอบขนถังแอลพีจีข้ามประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณถังแอลพีจีที่จำหน่ายในแต่ละประเทศมีไม่เพียงพอโดยสปป.ลาว ขอนำเข้าแอลพีจี ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 15 ตัน เป็นเดือนละ 150 ตัน ขณะที่เมียนม่าร์ ขอนำเข้าเดือนละ 240 ตัน เนื่องจากทั้ง2ประเทศ ไม่สามารผลิตแอลพีจีได้ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด“ที่ผ่านมาชายแดนไทยเข้มงวดกับการลักลอบขนส่งถังก๊าซฯเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นการขนเข้ามาใช้ในครัวเรือน แม้จะไมใช่การลักลอบ เพื่อนำมาจำหน่ายทางการค้าโดยตรง แต่ก็เป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย เพราะราคาแอลพีจีฝั่งไทยถูกกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะรัฐบาลไทยตรึงราคาไว้ โดยปัจจุบันราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนของไทยราคาก.ก.ละ 22.63 บาท ส่วนลาว47.20 บาท เมียนม่าร์ 42 บาท กัมพูชา 40.79 บาท และเวียดนาม 48.96 บาท”อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ส่งออกแอลพีจีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต้องอยู่บนพื้นฐานของปริมาณแอลพีจีในประเทศมีใช้อย่างเพียงพอด้วย ซึ่งขณะนี้ไทยต้องการใช้แอลพีจีเดือนละ 6.13 แสนตัน ผลิตแอลพีจีได้เดือนละ 4.8 แสนตัน ที่เหลือต้องนำเข้าเดือนละ 1.33 แสนตัน ซึ่งการส่งออกแอลพีจี ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการให้ความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้แอลพีจีประเทศ ซึ่งปริมาณที่ขอนำเข้าแอลพีจีเพิ่มจากไทยก็ไม่มาก และเป็นการซื้อขายในราคาตลาดโลก“ขณะนี้ การให้โควตาส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาวและเมียนม่าร์ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐที่มีมานานแล้ว แต่ไม่ใช่จำนวนที่มาก เพียงแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีการขอเพิ่มปริมาณนำเข้า ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าอาจมาจากความเข้มงวดของฝั่งไทยในเรื่องการหิ้วถังแอลพีจีข้ามแดนมากขึ้น เพราะแอลพีจีของไทยถูกกว่าประเทศอื่น ๆ จากการที่รัฐชดเชยราคาไว้”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เพื่อนบ้านขอเพิ่มนำเข้าแอลพีจี

Posts related