นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ กรมฯไปศึกษาจำนวนแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการในปัจจุบันว่ามีจำนวนมากเกินไปหรือไม่ คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาได้ช่วงต้นปี 58 หากพบว่ามีจำนวนที่มากเกินความต้องการก็จำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อควบคุมการออกใบอนุญาต เพื่อให้กรมการขนส่งทางบก กำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการของแท็กซี่ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ“ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ประมาณ 1 แสนคัน ซึ่งกรมจะไปดูว่ามีจำนวนแท็กซี่ให้บริการเพียงพอ หรือเกินความต้องการของประชาชนหรือไม่ แต่เรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาในการศึกษาดูให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะรู้เรื่องได้ในช่วงต้นปีหน้า”นายธีระพงษ์กล่าวต่อว่า ในการหารือทำความเข้าใจร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ และตัวแทนคนขับแท็กซี่ส่วนบุคคล เพื่อรับทราบแนวทางการพัฒนาคุณภาพบริการก่อนการปรับขึ้นค่า ได้ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ช่วงรถติดขึ้นอีกนาทีละ 0.50 บาท จากเดิมนาทีละ1.50 บาท เป็นนาทีละ 2 บาท ขณะที่ค่าโดยสารตามระยะทาง ในช่วงสั้นจะเพิ่มจากเดิม 0.50 บาท ส่วนช่วงทางไกลจะเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงเริ่มต้นกม.แรก ที่ 35 บาทเหมือนเดิม โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ต้องรอ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม อนุมัติและประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน น่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในต้นเดือนธ.ค.นี้“การอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารตามระยะทางจะเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 13 % แต่แบ่งการปรับเป็น 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ช่วงต้นเดือนธ.ค. จะให้ปรับค่าโดยสาร 7-8% ยังไม่เต็มเพดาน เพื่อทดสอบและประเมินคุณภาพการให้บริการตัวรถและคนขับก่อน 6 เดือนว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยกรมฯเตรียมทำแอปพลิเคชั่น ให้ประชาชนใช้เป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นกดไลค์หรือติชมการให้บริการของแท็กซี่เพื่อนำข้อมูลมาประกอบประเมินคุณภาพ หากไม่ผ่านการประเมินก็จะไม่ได้ปรับราคาในระยะที่ 2 เป็น13%”อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่จะกระทบต่อผู้โดยสารไม่มาก เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเดินทางในช่วง 1–10 กม. ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มค่าโดยสารเล็กมาก หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 บาทต่อเที่ยวเท่านั้น แต่ผู้ที่เดินทางระยะไกล เช่นปริมณฑล ปทุมธานี สมุทรปราการ ก็จะต้องจ่ายแพงขึ้นตามอัตราเฉลี่ยที่ 13 % ซึ่งถือว่าเป็นธรรมและเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ด้วยอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า แต่ก่อนจะให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ ผู้ประกอบการจะต้องนำรถมาตรวจสอบมาตรฐาน ความปลอดภัยของตัวรถและอุปกรณ์ภายใน เช่น แอร์ต้องเย็น รถไม่มีกลิ่นอับและคนขับต้องแต่งตัวสะอาด มีกิริยาที่สุภาพ หากไม่ผ่านการตรวจสอบจะต้องนำรถกลับไปแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน15วัน และนำกลับมาตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง รถที่ผ่านมาตรฐานจะต้องนำรถเข้ามาปรับจูนมิเตอร์เพื่อซีลตะกั่วที่ตัวมาตรค่าโดยสาร และกรมการขนส่งทางบกจะมอบสติ๊กเกอร์รับรองคุณภาพเพื่อปรับค่าโดยสารต่อไปสำหรับค่าใช้จ่ายในการปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารอัตราใหม่ ผู้ประกอบการต้องเป็นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประมาณ 300-400 บาท ซึ่งเบื้องตัน กรมฯได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตและจำหน่ายมิเตอร์ทั้ง10 ราย รวม 17 ยี่ห้อ เพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้ประกอบแท็กซี่แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ มีการปรับช่วงระยะทางลดลงในช่วงแรกจากที่เริ่มต้น 1-12 กม. เหลือ 1- 10 กม. แต่เพิ่มค่าโดยสารจาก 5 บาท ต่อ กม. เป็น 5.50 บาทต่อกม. ช่วง 10 – 20 กม. จากเดิมเก็บ 5.50 บาท ต่อ กม. ปรับเป็น 6 บาท ต่อ กม. ช่วง 20-40 กม. จากเดิมเก็บ 6 บาทต่อกม.เป็น 6.50 บาท ส่วนระยะทางตั้งแต่ 40 กม.ขึ้นไป จะมีการปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้นช่วงละ 1–2 บาท จากเดิมที่กำหนด 6.50-8 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาการปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร และปัญหาเส้นทางระยะไกลต้องตีรถเที่ยวเปล่ากลับมา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เล็งคุมกำเนิดแท็กซี่

Posts related