นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ปีนี้พนักงานโรงแรม จะได้รับเงินค่าบริการจากลูกค้า (เซอร์วิสชาร์จ) ลดลง ถึง 15% เนื่องจากรายได้ของโรงแรมส่วนใหญ่ลดลง เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น จากความกังวล เรื่องกฎอัยการศึก และปัญหาเศรษฐกิจของโลก อีกทั้งขณะนี้ โรงแรมยังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลากรเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจึงต้องใช้วิธีการปรับลดรายได้จากเซอร์วิสชาร์จลง และปรับฐานเงินเดือนขึ้นให้พนักงานตามเดิม เพื่อรักษาบุคลากรของตนเองไว้แทน“ปัจจุบันค่าเซอร์วิสชาร์จที่พนักงานจะได้รับ มักจะแปรผันกับรายรับของโรงแรม ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ แต่ยอมรับว่า ปีนี้พนักงานจะต้องได้รับน้อยลง เพราะหากดูจากอัตราการเข้าพัก ซึ่งประเมินว่าแม้จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมา แต่อัตรการเข้าพักก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นได้เท่าปีก่อน และอาจลดลงอก 10% แต่ถึงอย่างไรก็ต้องจัดการบริหารภายใน และไม่ใช้มาตรการนำพนักงานออก เพราะยังขาดแคลนพนักงานอยู่มาก อีกทั้งแต่ละคนก็ทำได้หลายหน้าที่ จึงอาจใช้วิธีลดค่าเซอร์วิสชาร์จแทน”ปัจจุบันไทยมีโรงแรมที่ถูกกฎหมาย และ ต้องมีการได้รับเซอร์วิสชาร์จอยู่ 8,000 โรงแรม หรือ 400,000 ห้องพัก และในส่วนของค่าเซอร์วิสชาร์จโดยทั่วไป แต่ละโรงแรม จะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวมทุกอย่างของโรงแรม ซึ่งจะนำมาแบ่งให้พนักงานทุกคนเท่ากันหมดด้านนางละเอียด บุ้งสีทอง นากยสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมในภาคเหนือ ยังชะลอการปรับขึ้นฐานเงินเดือนให้พนักงานในโรงแรม ส่วนเรื่องของค่าเซอร์วิสชาร์จนั้น จะรวมอยู่ในรายได้ของเงินเดือนด้วย อย่างไรก็ดี ขณะนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวกลับมา โดยเฉพาะจากกเอเชีย และ นักท่องเที่ยวในประเทศ จากนี้จึงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะปรับขึ้น หรือลดเงินเดือนหรือ เซอร์วิสชาร์จลงหรือไม่สำหรับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวทางภาคเหนือขณะนี้ กำลังเริ่มฟื้นตัว คาดว่าเดือน พ.ย.-ธ.ค.ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวจะดีขึ้น โดยสูงถึง 80-85% และสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าหมายว่า ภาพรวมของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ จะมี 6 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 56 ที่ผ่านมา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เล็งลดเซอร์วิสชาร์จพนักงาน

Posts related