ตามที่  ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุลรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้แถลงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักบนพื้นฐานของ Digital Economy หรือหลักเศรษฐกิจดิจิตอลโดยจะมีการพัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1 ปี  ซึ่งหลังจากการแถลงนโยบายดังกล่าวก็ได้รับเสียงตอบรับจากหลายกระทรวงและล่าสุดมีการพูดคุยถึงการเปลี่ยนชื่อของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอซีที (ICT) เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนานี้เลยทีเดียว รูปแบบและความเป็น “เศรษฐกิจดิจิตอล”นั้นมีความหมายที่แตกต่างกันในแต่ละบริบทโดยพื้นฐานความหมายของดิจิตอลอีโคโนมี่นั้นคือการนำเอาเทคโนโลยีที่เป็นดิจิตอลรวมถึงเทคโนโลยีบนพื้นฐานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมาใช้เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจโดยมีการใช้สลับกันไปกับ “Internet Economy” และมีส่วนที่สอดคล้องกับ “NewEconomy” หรือเศรษฐกิจใหม่แต่หากพิจารณาจากการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ในประเทศเพื่อนบ้านแล้วคำจำกัดความเหล่านี้ล้วนมีแนวทางที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน นายธีระกนกกาญจนรัตน์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมไอซีทีอาวุโส บริษัทฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนองค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ได้กล่าวถึงความหมายของเศรษฐกิจดิจิตอล ว่า หากพิจาณาดูจากเศรษฐกิจดิจิตอลในต่างประเทศที่เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมจับต้องได้แล้วเราจะเห็นว่าแก่นของแนวทางเหล่านี้ อยู่ที่การพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความรู้ แทนที่อาศัยกำลังการผลิตหรือมูลค่าของการบริการเพียงอย่างเดียวโดยมีเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะสื่อกลางและเป็นสินค้าที่ถูกส่งมอบส่วนแนวทางการพัฒนานั้นควรเป็นไปอย่างควบคู่กันทั้งการนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและนำมาใช้สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ ผ่านมาประเทศไทยมีความตื่นตัวในด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ (eCommerce) และการนำเอาระบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิคส์(eTransaction) เข้ามาใช้แต่เศรษฐกิจดิจิตอลนั้นเป็นการพัฒนาที่กว้างกว่ามาก”   เศรษฐกิจดิจิตอลนั้นมีมูลค่ามหาศาลตลาดการค้าขายออนไลน์หรือ eCommerce ของไทยในปัจจุบันมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3แสนล้านบาทต่อปี  ทั้งยังไม่นับมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มาจากการใช้เทคโนโลยีในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลนั้นจึงนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาประเทศแต่อย่างไรก็ตามยังมีความท้าทายอีกไม่น้อยที่รัฐบาลและประชาชนต้องก้าวข้าม “ การเร่งสร้างการเข้าถึงคือความท้าทายประการแรกบนแนวทางเศรษฐกิจดิจิตอลในปัจจุบันแม้ว่าประเทศไทยจะมีกระแสการตอบรับเทคโนโลยีที่รวดเร็วและตลาดไอซีทีมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อัตราการเข้าถึงระบบเครือข่ายการสื่อสารนั้นยังต้องพัฒนาอีกมากโดยในปัจจุบันการเข้าถึงบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยนั้นยังมีระดับต่ำเพียง25% จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมดและแม้ว่าจะมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศที่สูงราว 144% เมื่อเทียบกับประชากรในประเทศ แต่ในจำนวนนี้มีเพียง34% โดยเฉลี่ยที่เป็นสมาร์ทโฟนและสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และแม้ว่าการนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาตินั้นจะเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติแต่การพัฒนาและอัตราการเข้าถึงยังต้องได้รับการเร่งพัฒนาหากต้องการจะเห็นเศรษฐกิจดิจิตอลที่เป็นรูปธรรมในประเทศไทย” ธีระ กล่าว นายธีระ  ระบุว่า เศรษฐกิจดิจิตอลนั้นมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคส่วนของสังคม  “สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องการสร้าง ‘ความเข้าใจ’ ในเรื่องบทบาทและสิทธิของตนบนในระบบนิเวศน์เศรษฐกิจดิจิตอลให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนกรณีความผิดพลาดหรือการฟ้องร้องระหว่างผู้บริโภคและผู้ให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์หรือeCommerce นั้นเป็นตัวอย่างที่ดี เช่น ความผิดพลาดของผู้ใช้งานเกมหรือแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือทำให้ถูกส่งใบแจ้งหนี้จำนวนมหาศาลหรือกรณีความผิดพลาดในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้เกิดการฟ้องร้องขอเงินคืนนั้นแม้ว่าในทางสังคมจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้แต่หากว่าประชาชนส่วนมากยังไม่เข้าใจว่าความผิดพลาดจากความประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการทำธุรกรรมออนไลน์นั้นก็มีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับการทำธุรกรรมในการค้าขายจริงความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีมูลค่าเป็นตัวเงินจริงซึ่งการฟ้องร้องขอคืนค่าใช้จ่าย หรือยกเลิกธุรกรรมที่ตกลงไปแล้วด้วยการขอความเห็นใจหรือใช้แรงกดดันทางสังคมนั้นไม่อาจทำได้”   “ความท้าทายในภาคส่วนของรัฐบาลบนโรดแมปเศรษฐกิจดิจิตอลคือการขับเคลื่อนแบบบูรณการเพราะก้าวแรกของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลนั้นคือการหาช่องว่างที่สามารถนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างประสิทธิภาพพร้อมกับสร้างสรรค์โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆดังนั้นกระทรวงและหน่วยงานที่กำกับดูแลเทคโนโลยีนวัตกรรมจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบในการวางกลยุทธ์ให้เป็นการขับเคลื่อนแบบองค์รวมซึ่งที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณหรือวางแผนโครงการต่างๆของไทยเองยังขึ้นอยู่กับกระทรวงต่างๆที่เป็นเจ้าภาพความร่วมมือที่เกิดขึ้นจึงยังคงมุ่งเน้นในระดับปฏิบัติการหากแต่ยังขาดความร่วมมือในระดับกลยุทธ์ดังนั้นนอกจากการเร่งสร้างเครือข่ายการเข้าถึง และสร้างความเข้าใจในบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจดิจิตอลแล้วในภาครัฐเองก็ต้องมีการพัฒนาเชิงรุกในแบบบูรณาการอีกด้วย”   ส่วนการเปลี่ยนชื่อกระทรวงไอซีทีเพื่อสอดรับกับนโยบายนั้น เป็นเพียงการเริ่มต้น สำหรับผลกระทบยังคงต้องดูกันต่อไป “กระทรวงไอซีทีนั้นจะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการขับเคลื่อนบนเศรษฐกิจดิจิตอลการเปลี่ยนชื่อกระทรวงเพื่อให้สอดรับกับนโยบายนี้ก็เป็นการตอบรับที่ดีแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือบทบาทหน้าที่ของกระทรวงว่าจะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนนั้นๆ”นายธีระ  กล่าว  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะสร้างการเข้าถึงเน็ตความเร็วสูงรองรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล

Posts related