วันนี้(19มิ.ย.)นายธีระ กนกกาญจนรัตน์ นักวิเคราะห์ด้านไอซีทีอาวุโส บริษัท ฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนองค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกกล่าวว่า ในปี 2556 รายได้จากอุตสาหกรรมคมนาคมคิดเป็น 10%ของจีดีพีของประเทศ ดังนั้นการพัฒนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมแห่งชาติจึงเป็นเรื่องของการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยปัจจุบัน การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของคนไทยมีเพียง25%จากครัวเรือนทั้งหมดถือว่ายังมีโอกาสเติบโตสูงทั้งด้านโทรคมนาคมแบบมีสายและไร้สายซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สำหรับตลาดคอนซูเมอร์ปัจจุบัน ต่างชาติได้เข้ามามีบทบาทมากไม่ว่าจะเป็น ChinaMobile (TRUE), Telenor (DTAC) หรือSingtel(AIS) ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างเข้มข้นมากขึ้นนอกจากนี้ความต้องการในการใช้งานของผู้บริโภคก็มากขึ้นโดยปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนคือปริมาณการใช้งานด้านดาต้าและ โซเชียลมีเดีย รวมถึงวีดีโอคอนเทนต์ต่างๆ โดยปริมาณการใช้งานโทรศัพท์มือถือมีสูงถึง130%ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่มีเพียง 32%เท่านั้นที่เป็นสมาร์ทโฟน ในส่วนของตลาดองค์กร(Enterprise)ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากเนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต้องการเป็นศูนย์กลาง(Hub)ในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งหากต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแน่นอนว่าต้องมีการลงทุนที่ชัดเจนตามโรดแมพ ยุทธศาตร์ของประเทศ ซึ่งในปัจจันตลาดองค์กรได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องสังเกตได้จากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาทิ ดาต้า เซนเตอร์,Network Connectivity ที่มีอัตราการเติบโตสูงในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้นักวิเคราะห์จากฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนยังได้เสนอแนะแนวทางการเดินหน้าอุตสาหกรรมโทรคนาคมไทยดังนี้ ระยะสั้น(1-2ปี)หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีการสั่งชะลอ 4โครงการหลัก(4G1800 Mhz, 4G 900 Mhz, USO, และคูปองดิจิตอลทีวี)เพื่อพิจารณาการใช้งบประมาณนั้นควรรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วและควรให้มีข้อสรุปภายในไตรมาส3/57โดยฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนคาดการณ์ว่าการชะลอโครงการทั้ง 4โครงการจะก่อให้เกิดความเสียหายในด้านโอการทางธุรกิจประมาณ4พันล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1พันล้านบาทในด้านการลงทุนและ 3พันล้านบาทในด้านประสิทธิภาพการผลิตและการทำงาน ดังนั้นจึงควรวางกลยุทธ์ให้ชัดเจนในการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาทิ บรอดแบนด์ เป็นต้นเพื่อมุ่งเน้นการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของคนไทยให้มากขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเช่อมั่นให้กลุ่มธุรกิจและการลงทุนรวมถึงยังเป็นพื้นฐานการศึกษาให้กับประชาชนที่อยู่ห่างำกลและสามารถตอบโจทย์ความต้องการขั้นพื้นฐานของประชากรอีกด้วย ระยะกลาง(3-4ปี)การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคจะมีความสำคัญมากซึ่ง การวางโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคมที่ดีจะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังนั้น ในช่วง 3-4ปีนี้การพัฒนาจึงควรมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อในระดับภูมิภาคอินโดจีน โดยเฉพาะ ConnectionBackbone ที่เชื่อมต่อระหว่างระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ ส่วนระยะยาวถ้าประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้เราจะมีความพร้อมในด้านการเป็นlogisticsและtechnologyhub แห่งหนึ่งในภูมิภาคดังนั้นการพัฒนาจึงควรเป็นไปในแนวทางที่เพิ่มประสิทธิภาพและเป็นการประยุกต์ใช้ในแต่ละverticalsเช่นภาคการเกษตรหรือสาธารณสุข ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย “การที่คสช.ได้สั่งทบทวนโครงการของกสทช.จะมีผลกระทบโดยรวมในระยะสั้นๆเพราะเป็นเพียงคำสั่งทบทวนมิใช่คำสั่งยกเลิก อย่างไรก็ตามคิดว่า 4GและUSOต้องเกิดขึ้นแน่นอนเพราะเป็นส่วนสำคัญในแผนการพัฒนาประเทศและเป็นเครื่องยืนยันถึงนโยบายในการพัฒนา”นายธีระ กล่าว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โทรคมนาคมไทยยังโต แม้คสช.สั่งชะลอประมูล4จี

Posts related