นายเสรี จิตต์โสภา รองอธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 17 ต.ค.ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานอุบลราชธานี โดยเบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงมาจากร้านค้าที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าอาคารผู้โดยสาร และส่งผลให้เที่ยวในช่วงเช้าล่าช้าเล็กน้อยไป 4 เที่ยวบินแรก สำหรับสาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และขณะนี้ตนได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่แล้ว เพื่อรอสรุปรายละเอียดความเสียหาย รวมถึงสั่งการให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน   อย่างไรก็ตามในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ประจำอยู่ในสนามบินให้นำรถดับเพลิงที่มีอยู่ 2 คันเข้าไปดับไฟทันที จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงรถดับเพลิงของทางเทศบาลก็มาช่วยดับเพลิงอีก จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ซึ่งเบื้องต้นดูเหมือนเสียหายมาก เพราะส่วนหนึ่งมาจากเขม่าควันที่เกาะอยู่ตามผนังและในอาคารเต็มไปหมด แต่คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทในการปรับปรุง และใช้ระยะเวลาปรับปรุงประมาณ 1 เดือนจึงแล้วเสร็จ “ปกติกรมการบินพลเรือนจะมีงบประมาณในการซ่อมบำรุงอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการดำเนินการ โดยเป็นเงินจากกองทุนค่าธรรมเนียมที่เก็บจากผู้โดยสารขาออก ซึ่งสามารถนำมาใช้ปรับปรุงได้ทันที” สำหรับการให้บริการผู้โดยสารภายหลังเกิดเพลิงไหม้ ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยเที่ยวบินของสายการบินนกแอร์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยสมายล์ รวม 22 เที่ยวบิน(ไป-กลับ)ยังให้บริการได้อยู่ โดยได้ย้ายเคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินต่างๆไปอยู่ทางฝั่งซ้ายของอาคารจากเดิมที่อยู่บริเวณตรงกลาง ส่วนระบบการให้บริการอื่นๆ ก็ยังให้บริการได้ เพราะใช้สัญญาอินเตอร์เน็ตไร้สาย (ไวไฟ) ในการให้บริการเช็กอินอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องการเดินสายเชื่อมต่อระบบไปยังเคาน์เตอร์เช็กอิน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร ทางท่าอากาศยานจะให้ญาติพี่น้องที่ไปรับส่งผู้โดยสารรออยู่ด้านนอกอาคารเท่านั้น และอนุญาตให้เฉพาะผู้โดยสารเข้าไปในอาคาร ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยมีการย้ายเก้าอี้ออกมาไว้ภายนอกอาคารเพื่อให้บริการด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไฟไหม้อาคารสนามบินอุบลฯ

Posts related