นายศาสตรา สุดสวาสดิ์ อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาการใช้งบประมาณของภาครัฐที่ยั่งยืน ควรจัดตั้งองค์กรเฝ้าระวังทางการคลังอิสระ (พีบีโอ) เหมือนกับสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ที่ทำงานแบบอิสระจากฝ่ายบริหาร เป็นกลางทางการเมือง ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐ และวางนโยบายทางการคลังในอนาคต เพื่อให้รัฐสภาและประชาาชนตรวจสอบการใชัเงินของรัฐบาลได้ และสามารถสรา้งฐานะทางการคลังของประเทศให้ดีขึ้นิไม่ต้องขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องเหมือนในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากผลักดันให้องค์กรอิสระดังกล่าวเกิดได้จริง จะช่วยการใช้จ่ายงบประมาณได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นได้จากประเทศที่มีองค์กรดังกล่าวกับกับอยู่ ที่มีอัตราส่วนหนี้สาธารณะลดลง และมีงบประมาณเกินดุล ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว เพราะหากมองการบริหารงบประมาณของรัฐในตอนนี้ พบว่า รัฐบาลมักมองประโยชน์ที่จะเกิดระยะสั้น ไม่ได้คิดริบคอบ แยีงใช้งบประมาณจากกองกลาง และใช้นโยบายการคลังอย่างขาดดุลพินิจมากกว่าใช้นโยบายที่ปรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตโนมัติ นายภาวิน ศิริประภานุกูล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้ส่งดีต่อเศรษฐกิจ อีกทั้ง หนี้สาธารณะเองก็ไม่ได้ลดลง แต่ที่ลดลงคือรายจ่ายการลงทุน นอกจากนี้ ตามกรอบการรักษาวินัยการเงินการคลังที่กำหนดเพดานไว้ชัดเจนนั้น รัฐบาลไม่ได้สนใจและหลีกเลี่ยง เห็นได้จากมีการกู้เงินนอกงบประมาณหลายโครงการ เช่น โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ร.บ.กู้เงินบริหารจัดการน้ำ และพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปรากฎการที่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การจัดสรรทรัพยากรทั้งด้านการคลังและกึ่งการคลังของรัฐ เป็นเพียงการหวังผลในระยะสั้นมากกว่าสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะการส่งเสริมสินเชื่อของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) ที่ไม่สามารถทำได้บรรลุเป้าหมาย เนื่องจากไม่สามารถปิดช่องว่างการเข้าถึงเงินทุน เพราะมีเอสเอ็มอีเข้าถึงน้อย การดำเนินการที่ไม่มีทิศทาง แล้วแต่รัฐบาลแต่ละชุด รวมทั้ง ไม่มีประสิทธิภาพ โดยสร้างภาระการคลังสูงจากหนี้เสีย และไม่มีกลไกติดตามและตรวจสอบ ส่งผลให้กระทบต่อเอสเอ็มอีและเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ รัฐบาลควรกำหนดเพื่อเพิ่มความครอบคลุมโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเอสเอ็มอีตามรายได้ ให้แบงก์รัฐอยู่ภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคำนวณภาระการคลังของสินเชื่อทุกโครงการ รวมทั้ง ประเมินแบงก์รัฐให้เน้นการเข้าถึงเงินทุนของเอสเอ็มอี และความคุ้มค่าของโครงการสินเชื่อทั้งหมด โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อควรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พัฒนาเอสเอ็มอีโดยรวม ไม่ใช่โครงการโดด
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงตั้งองค์กรอิสระเฝ้าระวังการคลังของชาติ
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs