shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

บขส.ยกเครื่องรถบัสใหม่100คัน

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บขส.กำลังจัดทำทีโออาร์ จัดหารถบัสรุ่นใหม่เข้ามา 100 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่จะปลดระวางในสิ้นปีนี้ โดยรถรุ่นใหม่ที่เข้ามาจะเป็นรถชั้นเดียวขนาดความยาว 15 เมตร ที่เป็นรถทันสมัยคุณภาพสูง ที่ให้บริการและความปลอดภัยดีเยี่ยม ซึ่งจะมาช่วยพัฒนาการให้บริการทดแทนรถเก่าที่เป็นรถ 2 ชั้นที่จะปลดระวาง โดยคาดจะคัดเลือกผู้ชนะการประมูลได้ในเดือนมี.ค.57 และหลังจากนั้นจะทยอยรับรถไปจนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับรถบัสใหม่ที่เข้ามาจะเป็นการเช่าระยะสัญญา 3 ปี ไม่ได้เป็นการซื้อขาด โดยเรื่องนี้ไม่ต้องขออนุมัติจาก ครม.แล้ว สามารถทำได้เลย และในปีถัดไป บขส.ยังมีแผนจะนำรถบัส 15 เมตรรุ่นใหม่ เข้ามาอีก 269 คัน เพื่อพัฒนาให้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้ต้องรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาก่อน เพราะต้องอาศัยอำนาจอนุมัติจาก ครม.  นอกจากนี้กำลังเร่งสรุปแผนการติดตั้งกล้องวงจรปิดบนรถโดยสารของ บขส.ให้เสร็จในต้นเดือนมี.ค.นี้ โดยติดตั้งบนรถ บขส.ทั้งหมด 800 คัน บริเวณ 3 จุด ได้แก่ บริเวณที่นั่งคนขับ บริเวณท้ายรถด้านในตัวรถ และด้านหน้านอกตัวรถ เพื่อเชื่อมระบบการส่งสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดเข้ากับระบบสัญญาณจีพีเอส และส่งต่อข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมฯ โดยคาดติดตั้งให้เสร็จทันปี 57 “การติดตั้งกล้อง 3 จุด เพื่อให้การดูแลครอบคลุมทั่วถึง โดยกล้องที่อยู่ส่วนท้ายนอกตัวรถจะช่วยบันทึกภาพเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวรถ กล้องบริเวณที่นั่งคนขับจะเก็บภาพพฤติกรรมคนขับว่าประมาทเลินเล่อในการขับขี่หรือไม่ เช่น ขับรถมือเดียวหรือโทรศัพท์ระหว่างขับ ส่วนกล้องในห้องโดยสารถือว่าจำเป็นมาก เพราะปัจจุบันผู้โดยสารร้องเรียนเข้ามามากว่าสัมภาระที่เก็บไว้บริเวณช่องเก็บเหนือศีรษะหายไป ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บางครั้งมีมิจฉาชีพแฝงตัวเป็นผู้โดยสารขึ้นมาบนรถด้วยและอาศัยช่วงเวลากลางดึกที่ผู้โดยสารนอนหลับเข้าไปรื้อค้นและขโมยทรัพย์สินที่เก็บไว้บริเวณช่องเก็บเหนือศีรษะ หากมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้วเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอน” นายวุฒิชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากการซื้อรถใหม่ และติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว บขส.มีนโยบายการยกระดับการให้บริการ โดยขณะนี้กำลังติดตาม กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณ 200-300 ล้านบาท มาใช้ลงทุนติดตั้งระบบติดตามการเคลื่อนไหว (จีพีเอส) ให้กับรถร่วมบริการ บขส. 13,000 คัน แบ่งออกเป็นรถร่วมบริการขนาดใหญ่ 7,000 คัน และรถตู้ร่วมบริการ 5,000-6,000 คัน ตามโครงการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนผู้โดยสารรถขนส่งมวลชน พร้อมทั้งให้ใช้ค่าเช่าสัญญาณจีพีเอสรายเดือนแก่ผู้ประกอบการรถร่วมฟรีในช่วง 5 ปีแรก เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ จากนั้นผู้ประกอบการรถร่วมจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง  “การติดตั้งระบบจีพีเอสกับรถโดยสารทุกคันจะทำให้กรมการขนส่งทางบกสามารถควบคุมความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะผ่านศูนย์ควบคุมจีพีเอสแบบครบวงจรและเชื่อมต่อสัญญาณจีพีเอสจากรถโดยสารร่วมบริการไปยังศูนย์ควบคุมฯทำให้ศูนย์ฯทราบความเร็วรถและแจ้งเตือนหากคนขับขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุได้”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บขส.ยกเครื่องรถบัสใหม่100คัน

Posts related

 














ลุ้นรัฐส่งเสริมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า  ขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละค่ายอยู่ระหว่างติดตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพการเป็นฐานผลิต ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 3 ประเทศที่เป็นเป้าหมายคือไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งแต่ละประเทศยังไม่มีนโยบายส่งเสริมเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ยุโรป มีนโยบายชัดเจนว่าในอีก 10-20 ปี จะมีรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นของรถที่มีในประเทศ “ ตอนนี้เริ่มเห็นนโยบายส่งเสริมออกมาแล้วในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ มีนโยบายให้งบประมาณอุดหนุนผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการขนส่งที่ไม่พึ่งพิงน้ำมัน ซึ่งเป็นนโยบายที่ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ให้การส่งเสริมผลิตอุปกรณ์ด้านขนส่งที่เป็นไฮบริดจ์ ขณะที่นโยบายจากบริษัทแม่ของผู้ผลิตรถยนต์ก็เริ่มมีการกำหนดนโยบายกำหนดสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับยอดผลิตทั้งหมด โดยการที่จะมีตลาดรองรับเติบโตขึ้นในอนาคต และบางบริษัทก็มีนโยบายเพิ่มการผลิตรถไฟฟ้า ตอนนี้แต่ละรายจึงต้องเริ่มมีการมองหาฐานผลิตว่าจะลงที่ไหน ซึ่งในอาเซียนตอนนี้ที่เป็นที่สนใจของผู้ผลิตคือไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย” สำหรับปัจจัยที่ผู้ผลิตรถยนต์ใช้ประกอบพิจารณาเพื่อเลือกตั้งฐานผลิต ซึ่งในส่วนของไทยถือว่ามีข้อได้เปรียบในเรื่องการเป็นห่วงโซ่การผลิตครบวงจร (ซัพพายเชน) ที่แข็งแกร่ง มีผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้จำนวนมากและปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลก อันดับ 1 ของอาอาเซียน ด้วยส่วนแบ่งการผลิตอยู่ที่ 55% ของการผลิตทั้งภูมิภาค แต่มีข้อเสียเปรียบมาเลเซียและอินโดนีเซียเรื่องของต้นทุน ส่วนมาเลเซีย มีจุดเด่นเรื่องต้นทุนพลังงานที่ถูกซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลมาเลเซียใช้ดึงดูดการลงทุนในปัจจุบัน ขณะที่อินโดนีเซียมีจุดเด่นเรื่องของต้นทุนค่าแรง และจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต ส่วนโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่2(อีโคคาร์2) ตอนนี้ผู้ผลิตรถค่ายต่างๆ ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลและติดตามความชัดเจนทางการเมืองในประเทศเพราะยังมีเวลาไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. 57 ขณะที่รถยนต์อีโคคาร์ รุ่นที่1 ก็ยังดำเนินการผลิตตามปกติและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้สูงขึ้นจากที่ผู้ผลิตบางรายสามารรถเปิดตลาดใหม่ได้ตั้งแต่กลางปี 56 ทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ส.อ.ท. ระบุว่า ปี 56 ที่ผ่านมาไทยมีการผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น2.457 ล้านคัน เป็นอันดับ 9 ของโลก และปี57 คาดว่าจะมีการผลิตทั้งสิ้น 2.4 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และขายในประเทศ 1.2 ล้านคัน และคาดว่ายอดผลิตจะแตะ3 ล้านคันต่อปีในปี 2560 ตามการผลิตรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่2 ที่คาดว่าหลังได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้วผู้ผลิตจะเริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างภาษีรถอีโคคาร์ใหม่ที่จะลดลงเหลือ 12-14% จากเดิม 17% ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2559

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ลุ้นรัฐส่งเสริมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

จี้”พาณิชย์”ตรวจสอบราคาหมูชำแหละ

นายชัยยุทธ สุวรรณนิกขะ กรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาหมูชำแหละในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่สูงเฉลี่ย 150 บาทต่อกก. ซึ่งสูงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นต้องการให้กรมการค้าภายใน (คน.) เข้าไปตรวจสอบราคาหมูชำแหละในตลาดสดทั่วไปว่าทำไมถึงขายแพงขนาดนี้ และเอาผิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมค้ากำไรเกินควร เพราะจะทำให้การประชาชนบริโภคหมูลดลง จนส่งผลให้หมูล้นตลาดและกระทบต่อราคาหน้าฟาร์มซึ่งเป็นรายได้ของเกษตรกร  ทั้งนี้หากราคาหน้าชำแหละที่ตลาดสดที่สูงระดับ 150 บาทต่อกก. ราคาหน้าฟาร์มก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 80 บาทต่อกก.   แต่ในความเป็นจริงเกษตรกรผู้เลี้ยงไม่ได้จำหน่ายหมูเป็นในราคาที่สูง  และการที่พ่อค้าหมูที่ขายหมูชำแหละในราคาที่สูงขนาดนี้ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับราคาอาหารสัตว์โดยเฉพาะข้าวโพดมีแนวโน้มราคาจะปรับตัวเพิ่มก็ยิ่งก็จะยิ่งเป็นภาระของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู จึงเป็นหน้าที่ของ คน.จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคในประเด็นดังกล่าว เพราะทางสมาคมได้ส่งสัญญาณไปยังคน.แล้ว หากยังนิ่งเฉยก็จะทำให้กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นจนกระทบกับผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ “ราคาหมูเป็นของเกษตรกรไม่ได้ขายในราคาที่สูงเกินจริงเราขายพออยู่ได้ตามต้นทุน แต่ราคาหน้าเขียงกลับสูงอย่างผิดปกติ และผู้ซื้อก็ไม่รู้ว่าต้นทุนของหมูชำแหละเป็นเพาณิชย์ เก็บจันทร์ 24 ก.พ. นายชัยยุทธ สุวรรณนิกขะ กรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ  กล่าวว่า ราคาหมูชำแหละในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่สูงเฉลี่ย 150 บาทต่อกก. ซึ่งสูงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นต้องการให้กรมการค้าภายใน (คน.) เข้าไปตรวจสอบราคาหมูชำแหละในตลาดสดทั่วไปว่าทำไมถึงขายแพงขนาดนี้ และเอาผิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมค้ากำไรเกินควร เพราะจะทำให้การประชาชนบริโภคหมูลดลง จนส่งผลให้หมูล้นตลาดและกระทบต่อราคาหน้าฟาร์มซึ่งเป็นรายได้ของเกษตรกร  ทั้งนี้หากราคาหน้าชำแหละที่ตลาดสดที่สูงระดับ 150 บาทต่อกก. ราคาหน้าฟาร์มก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 80 บาทต่อกก.   แต่ในความเป็นจริงเกษตรกรผู้เลี้ยงไม่ได้จำหน่ายหมูเป็นในราคาที่สูง  และการที่พ่อค้าหมูที่ขายหมูชำแหละในราคาที่สูงขนาดนี้ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับราคาอาหารสัตว์โดยเฉพาะข้าวโพดมีแนวโน้มราคาจะปรับตัวเพิ่มก็ยิ่งก็จะยิ่งเป็นภาระของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู จึงเป็นหน้าที่ของ คน.จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคในประเด็นดังกล่าว เพราะทางสมาคมได้ส่งสัญญาณไปยังคน.แล้ว หากยังนิ่งเฉยก็จะทำให้กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นจนกระทบกับผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ  “ราคาหมูเป็นของเกษตรกรไม่ได้ขายในราคาที่สูงเกินจริงเราขายพออยู่ได้ตามต้นทุน แต่ราคาหน้าเขียงกลับสูงอย่างผิดปกติ และผู้ซื้อก็ไม่รู้ว่าต้นทุนของหมูชำแหละเป็นเท่าไหร่ เมื่อมีการสอบถามจากผู้บริโภคว่าทำไมราคาหมูเขียงถึงแพงพ่อค้าก็จะบอกว่าหมูเป็นหรือหมูจากฟาร์มมาแพง ซึ่งไม่เป็นความจริง ส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปซื้อโปรตีนจากแหล่งอื่นทดแทนจนทำให้การบริโภคหมูในภาพรวมลดลง สุดท้ายก็จะทำให้หมูล้นตลาด”  นายชัยยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมฯเป็นห่วงราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 8 บาทต่อกก. จนส่งผลต่อต้นทุนในการเลี้ยงหมูอย่างมาก สาเหตุที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวมาจากปริมาณความต้องการที่นำไปใช้เป็นอาหารไก่เพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่ 75 บาทต่อกก. “ราคาหน้าฟาร์มเป็นเป็นราคาที่ผู้เลี้ยงพอรับได้ เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่เป็นอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ยังมีราคาที่ทรงตัวเช่นปลายข้าวซึ่งขณะนี้ กก.   8 บาท ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีการปรับขึ้นอีก 1 บาท เป็น 8 บาทต่อ กก.   อย่างไรก็ตามพบว่าในอนาคตมีแนวโน้มว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะปรับตัวสูงขึ้นได้เพราะความต้องการสูงก็จะมีผลกระทบต่อต้นทุนการเลี้ยงหมูในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย”                   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จี้”พาณิชย์”ตรวจสอบราคาหมูชำแหละ

Page 1006 of 1552:« First« 1003 1004 1005 1006 1007 1008 1009 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file