นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าว เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ว่า คณะกรรมการ กบข. ได้อนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินผ่านสมาคมโรงสีไทย ว่า ในการประชุมคณะกรรมการ กบข. เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า กบข. ไม่มีแนวคิดปล่อยกู้ หรือเข้าไปลงทุนพันธบัตรโครงการจำนำข้าว อีกทั้งปัจจุบัน กบข มีการลงทุนผูกพันในสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องในระยะยาวเต็มพอร์ตแล้ว
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กบข.ยันไม่ได้ปล่อยกู้จำนำข้าว
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 20 ก.พ. ดัชนีปรับลดลงทันทีที่เปิดตลาด จากนั้นก็อ่อนตัวในแดนลบอย่างหนักตลอดทั้งวัน ตามแรงเทขายกระจายในหุ้นกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น หรืออินทัช หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มกปปส. ออกมาเรียกร้องให้ขายหุ้นกลุ่มดังกล่าวออกมา อีกทั้งเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลง หลังยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน ส่งผลให้หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,303.98 จุด ลดลง 17.02 จุด หรือ 1.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33,673.89 ล้านบาท สำหรับราคาหุ้นกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น นั้น ปรับลดลงยกแผงตามแรงเทขายของนักลงทุน โดยบมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ ถูกเทขายมากสุด ส่งผลให้ราคาปิดที่ 10.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 3.81% รองลงมา คือ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือเอสซี ปิดที่ 3.14 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 3.09% ตามด้วย บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ปิดที่ 211.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 2.76% ,บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น หรืออินทัช ปิดที่ 72.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.03% และบมจ. ไทยคม ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.25% 
นายอภิสิทธิ์ ชื่นชมภู ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีพีซีขายบัตรอีลิทการด์ได้เพียง 10 ใบเท่านั้นจากที่เริ่มทำตลาดไปตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้จ่ายสูง (กลุ่มไฮเอนด์) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของบัตรไม่มั่นใจที่จะซื้อ รวมถึงความเป็นบัตรที่เกิดจากรัฐบาลโดยตรงเมื่อมีการยุบสภาเป็นรัฐบาลรักษาการลูกค้าจึงต้องชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนก่อน ดังนั้นจึงคาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเดือนต.ค.56-ก.ย.57ต้องขายได้ 1,300 ใบก็ลดเหลือเพียงขายได้แค่ 100 ใบเท่านั้น“ขณะนี้ทีพีซีได้มอบหมายให้ตัวแทนจำหน่ายบัตร (เอเจนต์) ที่มีอยู่15 ราย ได้ทำการขายบัตรแล้วตั้งแต่ ต.ค.จนถึงตอนนี้ยอมรับว่า ยังขายแทบไม่ได้เลย และยังน้อยกว่าเป้าหมายที่แต่ละเอเยนต์ตั้งไว้ เพราะการทำตลาดมีความลำบาก จากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ทำให้บริษัททัวร์ไม่มีการคุ้มครองประกันภัยนักท่องเที่ยว ลูกค้าจึงชะลอการตัดสินใจซื้อทันที จากที่เอเจนต์และพันธมิตรตั้งเป้ารวมไว้ว่า จะขายได้ถึง 2,000 ใบ ภายใน ก.ย.นี้ก็คงจะไม่ถึง”ด้านนายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้ที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (นุศา) กล่าวว่า ได้เป็นพันธมิตรรายแรกของทีพีซีในการขายบัตรอีลิทการ์ดแบบพิเศษที่ขายควบอสังหาริมทรัยพ์ ในราคา 1 ล้านบาท โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะขายได้ 500 ใบเน้นจับตลาดจีน ฮ่องกง สิงค์โปร และมาเลเซีย เป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดจีนที่ขณะนี้กำลังสนใจ เรื่องการตั้งรกรากในประเทศที่ 2 จากกฎหมายของรัฐบาลที่จีนที่บังคับให้ประชาชนมีบ้านได้เพียง 1 หลังเท่านั้น โดยโครงการแรกที่ทำการขายอยู่ในทำเล บริเวณ เกษตรนวมินทร์ และเอกมัยในราคาเริ่มต้นที่ 3-5 ล้านบาท 
