shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ธอส.มองราคาบ้านปีนี้ราคาไม่พุ่ง

นายสัมมาคีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)เปิดเผยว่าในปีนี้ราคาที่อยู่อาศัยอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีที่ผ่านมาหรือเฉลี่ย 5%จากราคาขายเนื่องจากภาวะที่อยู่อาศัยยังค่อนข้างล้นตลาดเพราะภาวะการเมืองที่วุ่นวายตั้งแต่ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจจนทำให้กำลังซื้อหดหายไปจำนวนมากโดยเฉพาะในส่วนของตลาดบ้านมือ1หรือบ้านที่ก่อสร้างใหม่ที่ผู้ประกอบการจะชะลอการเปิดตัวออกไปอย่างน้อยเป็นกลางปีเพื่อดูสถานการณ์ทางการเมืองให้ชัดขึ้นอีกทั้งยังไม่กล้าที่จะปรับราคาขึ้นสูงมากนักเพราะไม่มั่นใจว่าประชาชนจะมีกำลังซื้อท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างไรก็ตามในส่วนของบ้านมือ 2นั้นถือว่ายังมีการซื้อขายและโอนอย่างสม่ำเสมอโดยมียอดโอนสัดส่วนมากกว่า50%เมื่อเทียบกับบ้านใหม่ขณะที่คอนโดมิเนียมมือ 2นั้นมียอดโอนเพียง30%เศษเท่านั้นเนื่องจากปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างคอนโดฯ จำนวนมากทำให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อมากขึ้นอีกทั้งปัญหาค่าส่วนกลางที่เจ้าของรายเดิมมักค้างชำระจึงทำให้สัดส่วนการโอนมีน้อยกว่า   “บ้านมือ2ในปี57นี้ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากหรือเฉลี่ยปีละ 5-10%เพราะมีสินค้าออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจาก 3ส่วนหลักคือ จากสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ)ของสถาบันการเงินต่างๆ  จากกรมบังคับคดีและจากเจ้าของบ้านที่ขายเองส่วนใหญ่มักจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในหรือเกาะแนวรถไฟฟ้าที่อายุการก่อสร้างไม่เกิน10ปีและโดยเฉพาะส่วนของคอนโดฯนั้นเชื่อว่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาซื้อมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไปเพื่อใช้ไทยเป็นฐานในการทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธอส.มองราคาบ้านปีนี้ราคาไม่พุ่ง

Posts related

 














ดันเชียงใหม่เป็นฮับท่องเที่ยว

นายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยวนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่าขณะนี้ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่กำลังผลักดันให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง(ฮับ)ด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านการจัดประชุมสัมนาเนื่องจากมีความพร้อมด้านสถานที่คือ มีศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติจังหวัดเชียงใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือรวมถึงศูนย์ประชุมของภาคเอกชนต่างๆบวกกับปัจจัยด้านโรงแรมที่มีกว่า40,000ห้องจึงคาดว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวอาทิจากประเทศลาว จีน และ พม่าที่เดินทางมาทางรถยนต์และสายการบินตรงได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ฯควรเร่งเข้ามาพัฒนาด้านการบริหารจัดการภายในที่ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากองค์กรที่ดูแลโดยตรงคือ สำนักงานพัฒนาพิงคนครเป็นองค์กรมหาชนที่เปิดตัวใหม่จึงอาจจะยังมีส่วนที่ติดขัดบ้างโดยเฉพาะด้านการขายพื้นที่ซึ่งหากใช้รูปแบบของศูนย์ประชุมสิริกิติ์ซึ่งเป็นรูปแบบที่ประสบความสำเร็จมาอยู่แล้ว ก็จะบริหารจัดการได้เร็วขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดันเชียงใหม่เป็นฮับท่องเที่ยว

บขส.กร่อยคนใช้บริการลด 30-45%

นายพินิจ คำปู่ รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถ บขส.ลดลงไป 30% ทั้งเส้นทางจากกรุงเทพฯออกไปต่างจังหวัด และต่างจังหวัดเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เนื่องจากประชาชนไม่มีอารมณ์เดินทางไปท่องเที่ยวนอกสถานที่ ขณะที่ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ต้องการเข้ากรุงเทพฯ เพราะไม่ต้องการเดินทางมาในช่วงที่สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ้เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร และเจ้าสัมปทานรถทัวร์รายใหญ่ และกิจการในเครือเชิดชัยกรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารใช้บริการลดลงประมาณ 45% โดยมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนมีรถส่วนตัวมากขึ้น จึงนิยมใช้รถส่วนตัวเดินทางมากกว่ารถโดยสาร ประกอบกับเกิดปัญหาการเมืองในไทย จึงส่งผลให้การเดินทางลดลง “ปัญหานี้จะคลี่คลายลง ต่อเมื่อการเมืองนิ่ง มีการปรองดองกัน และเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยเห็นว่าทุกฝ่ายควรจะยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง เพราะประเทศไทยคงไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ต้องอยู่ร่วมกันกับนานาประเทศ หากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแน่นอน” ด้านนางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง(รถร่วมบริการ ขสมก.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสมาชิกของสมาคมฯเพื่อเตรียมเดินทางไปพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม หรือนายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก. ซึ่งเป็นรถของเอกชน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก “ตั้งแต่เกิดปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี 54 รายได้ของรถร่วมลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดความวุ่นวายทางการเมืองก็ส่งผลกระทบมากขึ้นจนลงเหวไปเลย ที่ผ่านมาก็บอกให้สมาชิกอดทนมาตลอด แต่ตอนนี้จะไม่ไหวกันจริงๆ โดยปัญหาของผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. คือ ไม่สามารถนำรถที่มีอยู่ออกมาวิ่งได้ทั้งหมด เนื่องจากต้องเจอกับปัญหารถติดจนพนักงานขับรถเบื่อลาออกไปมาก จึงส่งผลให้รายได้ลดลง เช่น มีรถอยู่ 30 คัน ก็วิ่งได้เพียง 20 คัน ในขณะที่ต้นทุนก็ยังต้องจ่ายเท่าเดิม เป็นต้น” นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ประกอบการ 3-4 ราย ซึ่งมีรถให้บริการ 30-40 คันต่อราย อาจต้องหยุดให้บริการ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการดำเนินงานได้อีก แต่ขณะนี้ต้องพยายามให้บริการต่อไป เพราะหากเลิกกิจการจะต้องจ่ายภาระหนี้สิน ที่ผู้ประกอบการค้างจ่ายให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ทั้งหมดก่อน จึงจะเลิกกิจการได้ ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายได้ เพราะภาระหนี้สินดังกล่าวคิดเป็นวงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บขส.กร่อยคนใช้บริการลด 30-45%

Page 1043 of 1552:« First« 1040 1041 1042 1043 1044 1045 1046 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file