shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

วอนธ.ก.ส.ขยายวงเงินปล่อยกู้ชาวไร่อ้อยเพิ่ม

นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 เปิดเผยว่า ชาวไร่อ้อยได้หารือเบื้องต้น  เตรียมเสนอให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) เร่งหาแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 56/57 ที่กำหนดไว้เพียงตันละ 900 บาท ไม่เพียงพอกับต้นทุนการผลิต โดยต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อตามปกติ  ขอสินเชื่อเพิ่มอีกตันละ 250 บาท ซึ่งหากรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถอนุมัติได้  อาจเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  พิจารณาแทน “ชาวไร่อ้อย มองว่า ที่ผ่านมาการปล่อยกู้จากธ.ก.ส.ผ่านกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)ไม่ได้ไปเบียดเบียนงบประมาณแผ่นดินอะไร และทำมาเป็นปกติ เพราะราคาอ้อย 900 บาทต่อตันนั้น ไม่คุ้มต้นทุนที่ขณะนี้สูงมาก โดยอยากเสนอขอกู้เพิ่มอีกตันละ 250 บาท แต่ตัวเลขนี้ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ กอน. ซึ่งหากการ กู้ธ.ก.ส. รัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถอนุมัติได้ ก็ควรจะเสนอกกต. เพราะชาวไร่ ต้องการนำมาปลูกอ้อยหลังปิดหีบช่วงเม.ย.นี้  จึงต้องการเงินมาเสริมสภาพคล่องก่อนปิดหีบ” แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามปกติการประชุมกอน.จะดำเนินการเดือนละครั้ง แต่จากปัญหาการถูกปิดล้อมกระทรวงของกลุ่มกปปส. ล่าสุดทำให้ กอน.ยังไม่มีการประชุมแต่อย่างใด ซึ่งหากหารือคงจะต้องสรุปตัวเลขการช่วยเหลือก่อน โดยเบื้องต้นการเพิ่มค่าอ้อยคงสามารถทำได้ไม่เกิน 160 บาทต่อตันเพื่อให้มีเหตุผลพอที่จะชี้แจงฝ่ายรัฐหรือกกต.ได้ เนื่องจากสามารถนำเงินจากราคาน้ำตาลทรายที่ปรับขึ้น 5 บาทต่อกิโลกรัมที่โอนเข้ากท.มาชำระหนี้ได้เพียงพอใน 1 ปีหรือประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท  “ก่อนหน้านี้ชาวไร่ได้เสนอแนวทางเพิ่มค่าอ้อยอีก 250 บาทต่อตันจากการกู้ธ.ก.ส.ครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ให้รัฐบาลจัดงบประมาณมาแต่ตอนนี้รัฐบาลรักษาการคงทำไม่ได้การช่วยเหลือ จึงเหลือวีธีเดียวคือกู้ธ.ก.ส. ซึ่งแนวทางกู้ก็จะต้องมาศึกษากฏระเบียบว่า รัฐบาลรักษาการจะทำได้หรือไม่ และถ้าทำไม่ได้ก็คงจะต้องเป็นกกต.อนุมัติเพื่อเสนอครม.ต่อไป” สำหรับความคืบหน้าการเปิดหีบอ้อยล่าสุดที่เปิดหีบตั้งแต่พ.ย. 55 มาจนถึงวันที่ 10 ก.พ.57 พบปริมาณอ้อยเข้าหีบแล้ว 60.7 ล้านตันอ้อย ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยอยู่ในระดับ 102.5 กิโลกรัม ความหวานเฉลี่ยที่ระดับ 11.89ซี.ซี.เอส คาดว่าการผลิตอ้อยเมื่อปิดหีบจะได้ในระดับที่สูงกว่า 110 ล้านตันและน้ำตาลทรายจะได้ระดับ 105 กก.ต่อตันอ้อย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : วอนธ.ก.ส.ขยายวงเงินปล่อยกู้ชาวไร่อ้อยเพิ่ม

Posts related

 














เร่งร่างยุทธศาสตร์ทางหลวงรับเออีซี

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท ทรานส์คอนชัลท์ จำกัด สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท อินฟรา พลัส จำกัด และบริษัท ดีไว พลัส จำกัด จัดทำแผนยุทธศาสตร์รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะเหลืออีกเพียงไม่ถึง 2 ปี ก็จะมีการเปิดเสรีอาเซียนอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งนี้ การจัดทำยุทธศาสตร์จะใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน การจัดสรรงบประมาณ ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการทางหลวง บทบาทและภารกิจของหน่วยงาน ความพร้อมด้านบุคลากร และการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการวางแผนและบริหารจัดการระบบทางหลวง ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ตามภารกิจที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพในอนาคต นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความได้เปรียบในเชิงการค้าระหว่างประเทศ  รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 ซึ่งมีผลโดยตรงต่อโครงข่ายทางหลวงที่ต้องรองรับปริมาณจราจรระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งทางถนนในด้านต่าง ๆ เช่น การจราจรติดขัด ความเสียหายของสภาพถนนและผิวทาง ความเสี่ยงของอุบัติเหตุ ผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น “ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถเชื่อมโยงกันด้วยการเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคต้องรวมตัวกัน เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการขยายตลาดการค้าและบริการ อันส่งผลให้เกิดรายได้เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ซึ่งกระบวนการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่แต่ละประเทศพยายามพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เร่งร่างยุทธศาสตร์ทางหลวงรับเออีซี

พิษเศรษฐกิจยอดใช้น้ำมันโตไม่ถึง1%

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์  เปิดเผยว่า ปีนี้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ คาดว่า ขยายตัวเพียง 0.8% หรือ 140.3 ล้านลิตรต่อวัน  ลดลงจากปี 56 ที่ขยายตัว 3% หรือ 139 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้การบริโภคพลังงานของประชาชนลดลง แต่เชื่อว่าการชะลอตัวระยะสั้น  โดยครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจในประเทศ จะสามารถกลับมาขยายตัวได้ “เดือนม.ค. ที่ผ่านมา การใช้น้ำมันหลักทั้ง 2 ชนิดลดลง โดยราคาน้ำมันดีเซล เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 2.9% เทียบกับเดือนธ.ค. 56 ลดลง 1.2% และเบนซินเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 4.9% เทียบกับเดือนธ.ค. 56 ลดลง 7.2% เพราะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มชะลอตัว  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้ คาดว่า จะเฉลี่ยอยู่ที่ 100-102 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากปี 56 อยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากการบริโภคน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ที่ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การผลิตน้ำมันทั่วโลกอยู่ที่ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกำลังผลิตส่วนหนึ่งมาจากผู้ผลิตนอกลุ่มโอเปค เช่น  สหรัฐฯ เมื่อความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ จึงทำให้ราคาขายลดลง“ สำหรับแผนธุรกิจของไทยออยล์ ตั้งเป้าหมายลงทุนในช่วง3-4 ปี หรือปี  58 – 61 จะใช้เงินลงทุนปีละ 300-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณปีละ  9,000 – 15,000 ล้านบาท  เข้าไปลงทุนครั้งใหญ่ในพม่า  รวมมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท เช่น การร่วมลงทุนตั้งโรงกลั่นน้ำมันกับรัฐบาลพม่า  รวมทั้งจะเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย  ในโครงการผลิต แวกซ์  ซึ่งเป็นการผลิตสารสำหรับการทำผ้าบาติก ยางรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ยาขัดรองเท้า เพื่อป้อนตลาดอินโดนีเซีย คาดว่า จะชัดเจนภายในปีนี้  ส่วนโครงการลงทุนในไทย  จะสร้างโรงงานผลิตสารแอลเอบี สารชะล้างและใช้ในการผลิตผงซักฟอก จ.ชลบุรี  ซึ่งจะเป็นรายแรกของไทยและภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อทดแทนการนำเข้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พิษเศรษฐกิจยอดใช้น้ำมันโตไม่ถึง1%

Page 1049 of 1552:« First« 1046 1047 1048 1049 1050 1051 1052 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file