shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

รัฐ-เอกชนผนึกกำลังจัดงานค้าชายแดน

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า หอการค้าฯ เตรียมประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดงานแสดงสินค้าประเภทโอทอป และอุปโภคบริโภคทั่วไป ตามบริเวณชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนบ้านทุก ๆ เดือน เช่น ในพื้นที่อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.แม่สาย และอ.เชียงของ จ.เชียงราย, จ. มุกดาหาร และชายแดนภาคใต้ เป็นต้น เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยให้ทำธุรกิจกับนักธุรกิจเพื่อนบ้าน รวมถึงช่วยการระบายสต็อกสินค้าจากโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอ และความขัดแย้งทางการเมือง “หอการค้าฯ ต้องขอความร่วมมือจากกระทรวงต่างชาติ ให้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อผ่อนปรนให้เข้ามาซื้อสินค้าจากงานแสดงสินค้าได้สะดวก ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย รวมถึงช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และกลุ่มโอทอปให้ทำการตลาดและสร้างเครือข่ายกับพ่อค้าในเพื่อนบ้านด้วย ส่วนสินค้าที่จะเน้นมาแสดง คือสินค้าจากท้องถิ่น สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ชิ้นส่วน เป็นต้น” ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ประชุมกกร.ได้หารือถึงแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการส่งเสริมให้มีการค้าชายผ่านชายแดน และการส่งออกมากขึ้น รวมถึงตั้งศูนย์ช่วยเหลือเอสเอ็มอีหมายเลข 02-3451165 รวมทั้งให้ความรู้ด้านลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพไปยังเครือข่ายกลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รัฐ-เอกชนผนึกกำลังจัดงานค้าชายแดน

Posts related

 














คิวทำพาสปอร์ตทะลักช่วงชัตดาวน์

นายโชติช่วง ศูรางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหนุ่มสาวทัวร์ เปิดเผยว่า กรมการกงสุลได้ทำจดหมายแจ้งมายังบริษัทนำเที่ยว ที่ทำทัวร์คนไทยไปต่างประเทศ (เอาท์บาวด์) ว่า ขอให้จัดส่งการทำเอกสารเฉพาะคนที่จำเป็นในระยะนี้ก่อนเท่านั้น รวมถึงต้องวางแผนให้ดี เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาเรื่องการบริการไม่เพียงพอรองรับ  จากการที่หน่วยงานราชการบางส่วนถูกปิดไป นอกจากนี้ตลาดทัวร์เอาท์บาวด์ยังเริ่มได้รับผลกระทบในภาพรวมจากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ลูกค้าลดลงไป 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน “ปีนี้เดิมคาดว่าตลาดเอาท์บาวด์จะคึกคัก เพราะสภาพอากาศเย็นที่ยาวนานกว่าปกติ โดยหลังปีใหม่จะได้รับความนิยมสูง แต่ด้วยปัญหาการเมืองที่มีแนวโน้มยืดเยื้อทำให้ยอดขายเริ่มชะลอลง เพราะคงต้องการเก็บเงินออมไว้ แทนที่จะไปจับจ่ายเรื่องท่องเที่ยว ดังนั้นยอดขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่คาดว่าจะดี ก็ยังต้องติดตามถึงเดือน มี.ค.ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ประเมินเบื้องต้นว่าจะไม่ดีเท่ากับปีที่ผ่านมาแน่นอน” ทั้งนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัททัวร์คู่ค้าต่างชาติไม่สามารถส่งต่อลูกค้ามาได้ เนื่องจากบริษัทประกันภัยเดินทางไม่ครอบคลุม จึงไม่เสี่ยงนำลูกค้ามา ส่วนตลาดคนไทยที่เดินทางในประเทศกลุ่มที่จัดสัมมนา และท่องเที่ยวเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 65% นั้น ก็เลื่อนการเดินทางออกไปก่อนหลังการประกาศดังกล่าว เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ในไทยเช่นกัน แหล่งข่าวจากบริษัททัวร์รายใหญ่ กล่าวว่า  ผลกระทบจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นขององค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เตรียมเข้าร่วมงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ระหว่างวันที่ 20-23 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีประเทศที่ยืนยันเข้าร่วม 4-5 ประเทศ จากเดิมแจ้งว่าจะมามากกว่า 10 ประเทศ นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า การเดินทางของตลาดเอาท์บาวด์อาจจะลดลง 30% เป็นผลจากเหตุการณ์ยืดเยื้อ และยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ ยอมรับว่าการปิดศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะ ทำให้การทำพาสปอร์ตต้องใช้เวลานานขึ้น และส่งผลกระทบต่อบริการทัวร์เล็กน้อย เนื่องจากโดยทั่วไปสัดส่วนลูกค้า 40% ของตลาดเอาท์บาวด์ เป็นกลุ่มที่ต้องทำเล่มใหม่ครั้งแรกหรือต้องการทำเล่มพาสปอร์ตใหม่แทนเล่มเดิมที่หมดอายุ ส่วนอีก 60% เป็นคนที่ยังมีพาสปอร์ตซึ่งยังไม่หมดอายุ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คิวทำพาสปอร์ตทะลักช่วงชัตดาวน์

ดันครัวไทยสู่ครัวโลกอีกเฮือก!

นายจิรชัย มูลทองโร่ย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เดือนก.พ.นี้ เตรียมนัดประชุมผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดตามการดำเนินนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล โดยเฉพาะความก้าวหน้าของโครงการในปีงบประมาณ 57 และติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ก่อนสรุปรายละเอียดเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณารับทราบ เบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายของการดำเนินนโยบายดังกล่าว จะสร้างมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยได้ถึงปีละ 8,346 ล้านบาท “การเชิญผู้ตรวจทุกกระทรวงมาคุยกันครั้งนี้ จะขอรับทราบข้อมูลการดำเนินโครงการต่างๆ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำว่าคืบหน้าอย่างไร โดยผู้ตรวจสำนักนายกฯทุกคนจะนั่งเป็นประธาน และเชิญผู้ตรวจของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบมาหารือกัน โดยตนเอง มีเขตที่รับผิดชอบ คือเขต 8 มีจังหวัดสงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และจะหารือถึงเรื่องอาหารฮาลาล ทั้งการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และมาตรฐานการผลิตที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่” ทั้งนี้ในโครงการที่สำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว มีทั้งหมด 5 โครงการ จากทั้งหมด 16 โครงการ คือ โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน (ด้านพืช) อยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีพืชหลักที่สำคัญคือ ข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา วงเงิน 365 ล้านบาท ,โครงการฝึกอบรมผู้ประกอบการอาหารไทยรองรับครัวไทยสู่ครัวโลก ของกระทรวงแรงงาน วงเงิน 14 ล้านบาท ,โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นครัวอาหารคุณภาพของโลก ของกระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 287 ล้านบาท รวมทั้งโครงการส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ ของกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน 33 ล้านบาท และโครงการพัฒนามาตรฐานการผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายสู่มาตรฐานสากล (ไพรมารี จีเอ็มพี) ของกระทรวงสาธารณะสุข ส่วนโครงการอื่นๆ เช่น โครงการตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าประมง ของกระทรวงเกษตรฯ โครงการส่งเสริมครัวไทยสู่ครัวโลกและสินค้าฮาลาล ของกระทรวงพาณิชย์ และโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะให้ผู้ตรวจราชการของกระทรวงที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้า ก่อนสรุปรายละเอียดภาพรวมของโครงการเสนอมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดันครัวไทยสู่ครัวโลกอีกเฮือก!

Page 1089 of 1552:« First« 1086 1087 1088 1089 1090 1091 1092 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file