shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม56หด3.2%

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) เดือนธ.ค. 56 อยู่ที่ 168.7 ลดลง 6.13% ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 9 นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 56 เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งลดลงเป็นหลัก ส่งผลให้ทั้งปีดัชนีเอ็มพีไอลดลง 3.2% อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 64.38%  และผลิตภัณ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภาคอุตฯ ทั้งปีขยายตัวเพียง 0.2% ส่วนการประมาณการจีดีพีภาคอุตสาหกรรมปี 57 คาดว่า ขยายตัว 3-4% และเอ็มพีไอจะขยายตัว 1.5-2.5% เนื่องจากได้แรงหนุนจากภาคการส่งออก ตามเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจโลกจาก 3.3% เป็น 3.6% และคาดว่าการส่งออกอุตสาหกรรมไทยปี 57 จะขยายตัว5% จากปี 56 ที่คาดว่าส่งออกจะอยู่ที่ 3% และกลุ่มที่ขยายตัวดีคือยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ โดยการประเมินดังกล่าว ยังไม่รวมผลกระทบทางการเมือง อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยืดเยื้อ 3-4 เดือน จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีภาคอุตสาหกรรม 1.1% หรือ 50,000 ล้านบาท เทียบจากมูลค่าปัจจุบันที่ 4.4 ล้านล้านบาท เนื่องจากภาครัฐ จะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนได้ และส่งผลต่อเนื่องให้ภาคลงทุนเอกชนลดลง 5% แต่หากการลงทุนภาครัฐยังเดินหน้าได้ จะส่งผลกระทบเฉพาะการบริโภค และส่งผลต่อจีดีพีอุตสาหกรรม 0.4% และจะประเมินผลกระทบอย่างชัดเจนอีกครั้ง หลังจากผ่านไตรมาส 1 ไปแล้ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม56หด3.2%

Posts related

 














เอสเอ็มอี1.3รายไม่พร้อมแข่งขัน

นายอัทธ์พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงผลสำรวจความพร้อมและความเข้าใจภาคการผลิตและภาคบริการไทยต่อการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ว่าได้สำรวจ 13ธุรกิจภาคเกษตรอุตสาหกรรม และบริการ 2,000รายพบว่ามีธุรกิจเอสเอ็มอีถึง46%ที่ไม่พร้อมแข่งขันในเออีซีหรือคิดเป็น 1.3ล้านรายจากธุรกิจทั้งหมด 2.7ล้านรายโดยธุรกิจที่ไม่พร้อมเข้าเออีซีมากสุดคือเกษตร อาหาร และสิ่งทอ นอกจากนี้ยังพบว่ามีเอสเอ็มอีไทยยังไม่ได้ทำการค้ากับประเทศในเออีซีถึง60%โดยการค้าส่วนใหญ่ค้าขายกับประเทศติดชายแดนคือ พม่า ลาว มาเลเซีย เท่านั้นขณะที่การขยายธุรกิจไทยไปเออีซียังทำได้น้อยโดยที่ได้รับความสนใจมากสุดอยู่ที่พม่าเวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนการสำรวจความเข้าใจเกี่ยวกับเออีซีของธุรกิจไทยพบว่าผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นโดยธุรกิจขนาดใหญ่เข้าใจเกือบ100%แต่เอสเอ็มอี39%ยังไม่เข้าใจเพราะไม่เข้าใจต่อการปรับตัวและการใช้ประโยชน์จากเออีซี ปัญหาการชุมนุมการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ ได้กระทบต่อธุรกิจโดยรวมถึง30%ในจำนวนนี้95%ได้รับผลกระทบจากลูกค้าลดคำสั่งซื้อ และหันไปสั่งซื้อสินค้ากับประเทศคู่แข่งแทนเนื่องจากเกรงว่าไทยจะส่งสินค้าให้ไม่ทันตามกำหนดและอีก 5%ประสบปัญหาในขั้นตอนการดำเนินการเอกสารกับหน่วยราชการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบมากสุด ส่วนผู้ประกอบการอีก 70%ที่ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเห็นว่า ลูกค้ายังเชื่อมั่นต่อธุรกิจและการสั่งซื้อปกติอีกทั้งกระบวนการส่งออกยังไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานราชการและหลายบริษัทก็อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมประท้วง “จากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในอาเซียนลดลงจากปี 55ไทยมีความสามารถการแข่งขันในเออีซีเป็นอันดับ3ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซียลดเป็นอันดับ 5 ในปี56โดยถูกเวียดนามและอินโดนีเซียแซงหน้าหากการเมืองไทยยังไม่ยุติและจัดตั้งรัฐบาลได้กลางปีนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะลดลงในอยู่อันดับ 6โดยถูกฟิลิปปินส์แซง” ทั้งนี้หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อและรุนแรงถึงไตรมาส2ปีนี้ จะกระทบต่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นรวมถึงกระทบต่อภาพรวมการส่งออกด้วยโดยอาจเติบโตเหลือ 3.8%จากเป้าหมายที่ควรขยายตัว5%อีกทั้งยังกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือ3%จากเป้าหมาย4-5%ตลอดจนมีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายบริหารประเทศการลงนามกรอบความตกลงในการเปิดเสรีการค้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอสเอ็มอี1.3รายไม่พร้อมแข่งขัน

แนะเอกชนทำตลาดแบบสมดุล

นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (สทท.) เปิดเผยว่า แนะนำให้ผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวหันมาทำตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติให้เป็นแบบสมดุลมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ทางการเมืองในกรุงเทพฯทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ดังนั้นในอนาคตหากยังเพิ่งตลาดหลักจากธุรกิจนักท่องเที่ยวต่างชาติมากไป ธุรกิจจะแย่ลงได้ ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า ในกลุ่มที่ทำตลาดไทยโดยเฉพาะตามหัวเมืองหลักยังเติบโตได้ดีอยู่ เช่น หัวหิน ชะอำ พัทยา นายจิรโชติ แก้วเสถียร ประธานกรรมการ บริษัท มิโมซ่า จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่มิโมซ่า เติบโตขึ้นถึง 50% หรือ ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ม.ค.วันละ 1,000 คน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่นิยมมาทัศนศึกษาที่เริ่มเดินทางมามากขึ้น และจากนี้จะจัดตั้งฝ่ายการตลาดในประเทศขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อทำการประชาสัมพันธ์และทำการตลาดในกลุ่มไทยเที่ยวไทยให้มากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทย ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ทางการเมือง กลับพบว่านักท่องเที่ยวให้ความสนใจเปลี่ยนเส้นทางมาที่พัทยาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชาวรัสเซีย ที่ไม่สนใจเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองต่าง ๆ และ นักท่องเที่ยวจีนที่ส่วนใหญ่เปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ มาพัทยาแทน ทำให้ในช่วงตรุษจีนจะมีการจัดพื้นที่พิเศษเป็นย่านไชน่าทาวน์ “ปัจจุบันแม้ตลาดนักท่องเที่ยวที่มิโมซ่า จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าคนไทย แต่เราเป็นธุรกิจของคนไทย ต้องสนใจและกระตุ้นตลาดคนไทยให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กลุ่มข้าราชการที่มาสัมนานอกสถานที่ที่เป็นส่วนสำคัญในการนำรายได้เข้ามา” นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา จำกัด กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงตั้งแต่เดือน ธ.ค. โดยตลาดหลักอย่างจีน ที่มีสัดส่วน 30% ลดลงไปอย่างมาก และเหลือแต่รัสเซียที่เข้ามาปกติ เพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของตลาดนี้ ประกอบกับส่วนหนึ่งปรับโปรแกรมเดินทางเลี่ยงจากกรุงเทพฯ มายังพัทยาแทน สังเกตได้จากยอดอัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมวู้ดแลนด์ พัทยา ซึ่งอยู่ในเครือทิฟฟานี ที่สูงกว่า 90% เนื่องจากได้รัสเซียสนับสนุน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะเอกชนทำตลาดแบบสมดุล

Page 1110 of 1552:« First« 1107 1108 1109 1110 1111 1112 1113 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file