shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

งัดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อหวังดันตรุษจีนปีม้าให้คึกคัก

เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน… ก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ของพี่น้องคนจีนทั่วโลกรวมไปถึงพี่น้องคนจีนเชื้อสายไทย ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยด้วย โดยเฉพาะในเมืองไทยเวลานี้ที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก ขณะเดียวกันยังถูกถาโถมไปด้วยปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวจนทำให้ “กำลังซื้อ” ลดน้อยถอยลงไปมาก ด้วยบรรยากาศที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าได้ส่งผลต่อ “เทศกาลตรุษจีน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะมีการคาดการณ์กันว่าการใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ บรรดาพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน จะใช้จ่ายเงินกันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 5.9% หรือประมาณ 47,744.67 ล้านบาท ขณะที่บรรดาสถาบันการเงินได้เตรียมสำรองเงินสดไว้ให้จับจ่ายใช้สอยในช่วงตรุษจีนนี้ประมาณ 123,263 ล้านบาท ก็ตาม แต่หากนำทั้งหมดไปเปรียบเทียบกับปีก่อนแล้วล่ะก็ แทบเรียกได้ว่าเทียบกันไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้จ่ายที่แม้ว่ามีจำนวนเงินสูงขึ้นก็ตาม แต่การสูงขึ้นในครั้งนี้ เหตุผลสำคัญมาจากเรื่องของราคาสินค้าที่แพงขึ้นมากกว่า ขณะที่การสำรองเงินของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 5 แห่งนั้น ก็อยู่ในภาวะทรงตัวไม่ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบรรยากาศการซื้อขายสินค้าในย่านค้าขายสำคัญอย่าง “ย่านเยาวราช” ก็พบว่า บรรดาพี่น้องคนไทยคนจีนต่างมาหาซื้อสินค้ากันอย่างบางตา แม้ว่าสินค้ายอดนิยมยังคงเป็นส้มสีเหลืองทอง หรือผลไม้มงคลต่าง ๆ  รวมถึงเนื้อสัตว์ที่เป็นที่นิยมอย่าง เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ที่เป็นของไหว้สำคัญ ต่างมีราคาปรับเพิ่มขึ้นแล้วอย่างน้อย 5-10% ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกนั้นเล่าให้ฟังว่าราคาสินค้า มักเป็นเช่นนี้เสมอในช่วงตรุษจีน แต่ถ้าเป็นลูกค้าที่ซื้อกันเป็นประจำจะรู้ราคาและยืนยันจ่ายในราคาเดิม   ส่วนคนที่ไม่เคยซื้อ ก็จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่า ทั้งที่สินค้าบางอย่างไม่ได้มีต้นทุนสูงขึ้นแต่เป็นการปรับราคาขึ้นตามเทศกาล เช่น กระดาษเงินกระดาษทองเท่านั้น อย่างไรก็ตามอีกมุมหนึ่งของคนที่เกี่ยวข้องกับ “ตรุษจีน” โดยตรงอย่าง “ยงยุทธ ออศิริชัยเวทย์” ประธานจัดงานตรุษจีนเยาวราชปี 57 ซึ่งถือว่าเป็นงานตรุษจีนที่ยิ่งใหญ่ของไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.-1ก.พ.นี้ ก็ยังเชื่อว่าในช่วงตรุษจีนนี้น่าจะยังคึกคักเหมือนเดิมเพราะยังไงซะคนที่ไหว้เจ้าเป็นประจำก็ต้องออกมาซื้อของอยู่แล้ว แต่อาจติดตรงที่ว่าปริมาณที่ซื้อนั้นอาจน้อยลงเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้น ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลกำลังซื้อลดลง นอกจากนี้ผลสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของโพลมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภค 41.1% ยังคงซื้อของไหว้เจ้าในปริมาณเดิม แต่ปรากฎว่า มูลค่าการใช้จ่ายกลับเพิ่มขึ้นมาก  โดยผู้บริโภคกว่า 44.5% ต่างระบุว่าต้องควักเงินใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นแต่ได้เนื้อหมูในราคาเท่าเดิม เรื่องนี้… ตรงกับคำสัมภาษณ์ของ “เจ้าของเขียงหมูรายใหญ่” ในตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หนึ่งในจังหวัดที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่มากที่สุดในไทย ที่ยอมรับว่า ราคาเนื้อสัตว์จะปรับขึ้นมากกว่าเดิม 10% ในช่วงเทศกาลตรุษจีนโดยก่อนหน้านี้ราคาหมูสดหน้าฟาร์มตกกิโลกรัมละ 68 บาท แต่ขณะนี้ราคาปรับมาถึงกิโลกรัมละ 77 บาท และมีแนวโน้มว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นไปจนถึงกิโลกรัมละ 85 บาททีเดียว “คนสงขลา” กว่า 80% เป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่เชื่อว่าเทศกาลนี้มีความสำคัญ ทำให้ยังคงไหว้เจ้าอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ยังคงซื้อหาสินค้าปริมาณเท่าเดิมเพราะนอกจากจะไหว้เจ้าและบรรพบุรุษแล้ววันนี้ยังเป็นวันรวมญาติ จึงต้องซื้อหาอาหารปริมาณมากเพื่อให้เพียงพอแก่การกินเลี้ยงในครอบครัวแต่ทั้งนี้พฤติกรรมการเลือกซื้อกลับเริ่มเปลี่ยนไปเป็นซื้อเนื้อสดตามซุปเปอร์มาร์เก็ตแทนเพราะราคาถูกกว่าเนื่องจากเขาสั่งซื้อปริมาณมากจึงสามารถต่อรองราคากับผู้ผลิตได้อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นตามเทศกาลนอกจากนี้บางแห่งยังมีการปรุงให้สำเร็จจึงสะดวกและถูกใจผู้บริโภคอีกต่างหาก อีกหนึ่งสินค้าที่ถือว่าเป็นสินค้ายอดฮิตที่ต้องซื้อหา เพื่อเป็นการตอบแทนหรือเป็นของขวัญให้กับลูกหลานอย่าง “ทองคำ”ก็ไม่วายที่จะเงียบเหงาไปด้วยเช่นกัน โดย “จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ บอกว่า การซื้อขายทองคำในช่วงตรุษจีนปีนี้ ดูจะเงียบเหงา เพราะรายได้ที่ลดลง ทำให้หลายบริษัทต้องยกเลิกหรือลดการแจกเงินแต๊ะเอีย ทำให้ลูกค้าที่เดิมจะนำเงินแต๊ะเอียมาซื้อทองเริ่มหายไป ทั้งที่ตามปกติในช่วงตรุษจีนแล้ว ยอดขายจะสูงกว่า 10% ปัจจุบันนี้เติบโตจากช่วงปกติเพียง5%เท่านั้นซึ่งเป็นมานาน 2-3 ปีแล้ว ซึ่งในสมัยที่เศรษฐกิจยังดีอยู่เจ้าของกิจการจะแจกเงินปีใหม่รอบหนึ่ง และแต๊ะเอียให้ลูกน้องอีกรอบหนึ่ง ลูกจ้างจึงมีเงินไปซื้อของรับปีใหม่จีน หรือแม้แต่ซื้อทองเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร แต่เมื่อเศรษฐกิจแย่เงินที่เคยได้ก็น้อยลงบางบริษัทอาจไม่ให้เงินพิเศษลูกน้อง จึงทำให้ตลาดทองช่วงตรุษจีนปีนี้ เงียบเหงาลงไปอย่างเห็นได้ชัด ด้วยข้าวของที่มีราคาแพงขึ้นเช่นนี้ ทำให้บรรดาห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ต่างพาเหรดงัดกลยุทธ์กันออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและรักษาเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่ของคนจีนนี้ให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ โดยเฉพาะ กลยุทธ์ “ลด แลก แจก แถม” เพื่อดูดเงินจากกระเป๋าผู้บริโภคกันแบบสุด ๆ โดย “อนุวัตร เฉลิมไชย ” นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยบอกว่า ทิศทางการจัดกิจกรรมการตลาดในช่วงตรุษจีนนี้ จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อที่หดตัวของลูกค้าทั่วไป ขณะที่ลูกค้าประจำที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักไม่จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นจูงใจมาก เพราะเป็นสินค้าที่ต้องซื้อไปไหว้ตามธรรมเนียมอยู่แล้ว ขณะที่ “ประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์” กรรมการบริหารบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ได้เริ่มกังวลว่าจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น จนทำให้ลูกค้าลดลงไปกว่า 10% แล้วอาจส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงเทศกาลตรุษจีนได้ จึงได้ออกแคมเปญการตลาดพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 70%ทั้งศูนย์การค้าซึ่งเพิ่มเติมจากแผนเดิมที่วางไว้ก่อนจะประสบปัญหากำลังซื้อเพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าเสริมกับรายได้ที่คาดว่าจะลดลง ด้าน “เทสโก้ โลตัส ” แม้จะเชื่อว่ากำลังซื้อช่วงตรุษจีนยังดีอยู่ แต่ก็เตรียมจัดโปรโมชั่นพิเศษกว่าทุกปีด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งมอบคูปองส่วนลดเสริมมากกว่าปีก่อน ๆ เพื่อหวังดึงคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นในภาวะเช่นนี้  โดยสินค้าหลักที่จำเป็นในเทศกาลตรุษจีน จะมีทั้ง ชุดไหว้เทพเจ้า “ไฉ่ซิงเอี๊ยะ ” ธูปจีนก้านกลม แต่หากเป็นสินค้าอื่นได้ลดราคาลงอีกเกือบ 20% ขณะที่สินค้าบางรายการ ได้จัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 อีกต่างหาก ไม่เพียงเท่านี้ ในด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอง ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ได้จัดงาน “ ซีพีเอ็น เกรท ไชนีส นิว เยียร์ 2014  โชคลาภหลั่งไหลสุขใจได้เป็นจีน” ที่นำเอาทั้งโปรโมชั่นและสินค้าราคาพิเศษรวมถึงมอบส่วนลดสำหรับร้านค้าและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการอีกด้วยนอกจากนี้ยังจัดโชว์ที่หาชมยากมาแสดงอีกด้วยเพื่อเป็นแม่เหล็กดูดลูกค้า ซึ่งมั่นใจว่าสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าได้มากกว่า 10-20% ที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายให้เพิ่มขึ้นได้แน่นอน ไม่ว่า…การกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะออกมามากน้อยเพียงใด ก็เชื่อได้ว่าเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เพราะตราบใดที่ต้นเหตุของปัญหายังไม่ได้ถูกแก้ไขโดยตรง ไม่เพียงแค่ตรุษจีนเท่านั้นที่กำลังซ์้อจะชะลอตัวแต่จะชะลอตัวไปทั้งปีแน่นอน ! พิชชาพร อยู่เลี้ยงพันธ์  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : งัดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อหวังดันตรุษจีนปีม้าให้คึกคัก

Posts related

 














กรมทางหลวงขอโยกงบซ่อมถนน

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวง เตรียมหารือกับ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อขอโยกงบประมาณปี 57 บางส่วนที่ดำเนินการล่าช้า เพื่อมาใช้บำรุงรักษาถนน และบูรณะเส้นทางสายหลักแทน หลังจากพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ถูกวางให้นำไปใช้ซ่อมแซมบำรุงถนนสายหลัก ยังไม่สามารถใช้ได้ เพราะอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ"หากพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทตกไป ถนนสายหลักที่ถูกบรรจุในพ.ร.บ.2 ล้านล้านบาท จะไม่มีงบก่อสร้าง และบำรุงทาง ดังนั้น จึงขอโยกงบที่ดำเนินการล่าช้า และงบบำรุงจาก 104 แขวง18 เขตทั่วประเทศ 5,000ล้านบาท มาใช้ซ่อมบำรุงทางสายหลัก โดยจัดงบประจำ ในการซ่อมบำรุงทางประจำเขต 18 เขตๆ ละกว่า 277 ล้านบาท ส่วนงบประมาณลงทุนในส่วนอื่นๆ จะพิจารณาใหม่ ในปีงบประมาณ 58 ว่าต้องทำอย่างไร"ทั้งนี้ ปี 57 กรมทางหลวง ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 52,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุน 32,000 ล้านบาท มีทั้งโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่อง และโครงการที่ต้องแล้วเสร็จภายในปี 57 ซึ่งจนถึงเดือน ธ.ค. 56 เบิกจ่ายแล้ว 6% หรือ 2,800-2,900 ล้านบาทและยังได้จัดทำร่างทีโออาร์ประกวดราคาไปอีกมาก และต้องลงนามในสัญญาให้ได้ภายในเดือนก.พ.นี้ อย่างน้อย 80% ของงานทั้งหมดนายชัชวาลย์ กล่าวว่า ในประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วง ว่างบประมาณปี 58 จะเพิ่มสูงขึ้นนั้น คาดว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งกรมทางหลวง ยืนยันว่า โครงการก่อสร้างถนน 4 เลน ระยะที่ 2 และบูรณะสายทางหลัก จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้ เพราะหากไม่ได้ดำเนินการต้นทุนค่าขนส่ง จะสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรมทางหลวงขอโยกงบซ่อมถนน

พาณิชย์เร่งระบายข้าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปลายเดือนม.ค. หรือต้นก.พ.57 กรมการค้าต่างประเทศ จะเปิดประมูลขายข้าวเป็นการทั่วไป เพื่อระบายข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาล โดยยังไม่ได้กำหนดชนิด และปริมาณ แต่ตั้งเป้าหมายระบายทั้งปีที่ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน ซึ่งยอมรับว่า หลังจากนี้ ต้องใช้วิธีระบายด้วยการประมูลทั่วไปมากขึ้น เนื่องจากขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รอบใหม่ไม่สามารถทำได้ เพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าการทำจีทูจีไม่โปร่งใส จึงต้องชะลอออกไปก่อน นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมเสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ อนุมัติการขายข้าว ให้กับภาคเอกชนกว่า 10 ราย ที่ได้เสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล โดยได้แนบคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศประกอบ ซึ่งมีปริมาณเสนอซื้อ 7 แสนตัน มูลค่า 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนการชี้แจง ป.ป.ช. กำลังรอคำสั่งจาก ป.ป.ช. และไม่ได้หนักใจ เพราะกระบวนการขายข้าวจีทูจีเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบราชการทุกอย่าง แต่อาจมีความเข้าใจผิดในประเด็นสถานะของรัฐวิสาหกิจจีน ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริง และมีอำนาจในการค้าขายกับไทย ด้านน.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เอกชนเห็นด้วยกับการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล เพื่อระบายข้าวออกจากโกดัง แต่เต้องโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง และต้องยอมรับว่า ขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลกไม่ได้สูง การขายให้ได้ราคาสูง จึงเป็นไปได้ยาก ภาครัฐต้องเข้าใจ ไม่เช่นนั้นข้าวไทยจะไม่สามารถแข่งขันได้ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ปปช. กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศสามารถดำเนินการขายข้าวแบบจีทูจีได้ ไม่ใช่ขายไม่ได้ แต่การขาย ต้องเป็นวิธีการที่ถูกต้อง เช่น ต้องมีการเปิดแอลซีที่ชัดเจน ไม่ใช่วิธีการที่เข้าข่ายข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช. ได้แจ้งไว้สำหรับกรณีการขายข้าวให้จีนก่อนหน้านี้  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์เร่งระบายข้าว

Page 1115 of 1552:« First« 1112 1113 1114 1115 1116 1117 1118 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file