shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ม็อบปิดกรุง รายได้ภาษีรถหด 40%

นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคมเปิดเผยว่า การปิดที่ทำการกรมการขนส่งทางบกสาขาจตุจักรของกลุ่มกปปส.ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้จากการต่อภาษีรถยนต์ลดลงไปกว่า40%หรือมีรายได้หายไปวันละ15ล้านบาทเนื่องจากปกติประชาชนจะนิยมเดินทางมาชำระภาษีที่กรมการขนส่งทางบกแห่งนี้จำนวนมากเนื่องจากมีบริการรับชำระภาษีที่ทันสมัยและมีระบบเลื่อนล้อที่ความสะดวก “คนกรุงเทพส่วนใหญ่นิยมมาเสียภาษีที่นี่เพราะมีบริการรับชำระภาษี แบบเลื่อนล้อที่สะดวกและรวดเร็วแต่หลังจากที่ม็อบมาปิดที่ทำการทำให้ยอดจัดเก็บภาษีที่กรมจะต้องนำส่งให้ท้องถิ่นหรือส่งให้กทม.ลดลงไปแล้วกว่า40%  โดยปกติจะเก็บภาษีได้เฉลี่ยวันละ 37 ล้านแต่ช่วงนี้ลดลงเหลือวันละ 22 ล้านบาท  ดังนั้นคาดว่าจะทำให้ยอดรายได้ภาษีของกทม.ในเดือนนี้ลดลงไปด้วยและอาจกระทบทำให้รายได้ภาษีรถยนต์ของกทม.ทั้งปีนี้จัดเก็บได้น้อยกว่าปีก่อนที่จัดเก็บได้รวม10,000ล้านบาท  ขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายได้ภาษีรถยนต์ของหน่วยงานท้องถิ่นในต่างจังหวัดด้วยหากกลุ่มกปปสมีการปิดที่ทำการกรมการขนส่งทางบกในต่างจังหวัด” นายชัชชาติ กล่าวถึงสภาพการจราจรในกทม.ว่า ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารเริ่มกลับมาใกล้เคียงปกติแล้วเนื่องจากประชาชนมีการนำรถส่วนตัวออกมาใช้มากขึ้นเพราะสามารถปรับตัวและเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางเลี่ยงม็อบโดยจุดที่พบว่ามีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักคือบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าสะพานซังฮี้สะพานพระราม 7 ต่อเนื่องมาถนนวงศ์สว่างรัชดาภิเษกสะพานพระนั่งเกล้าต่อเนื่องมางามวงศ์วาน เนื่องจากกลุ่มกปปส. มีการชุมนุมปิดสะพานพระราม8 ส่วนบริเวณถนนพระราม4พบมีการจราจรที่หนาแน่นเช่นกันเนื่องจากสะพานสะพานไทย-ญี่ปุ่นและสะพานไทย-เบลเยี่ยมถูกปิด

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ม็อบปิดกรุง รายได้ภาษีรถหด 40%

Posts related

 














แนวโน้มส่งออกไปอาเซียนสดใส

นายธนิตโสรัตน์ รองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงินการคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้จัดทำรายงานวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนพบว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยในตลาดกลุ่มนี้ยังมีสัญญาณในทิศทางบวกตั้งแต่ปลายไตรมาสที่4 ของปี 56 ต่อเนื่องถึงปี57 เห็นได้จากสัดส่วนการส่งออกในปี 55ที่โตถึง 24.65% เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกแต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นลูกค้าของแต่ละประเทศทั้งจีน และกลุ่มประเทศจี3 คือ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน และญี่ปุ่น อย่างใกล้ชิดด้วย สำหรับสินค้าที่มีศักยภาพส่งออกในตลาดอาเซียนตามข้อมูลในปี 55 นั้น พบว่า ไทยส่งออกสินค้าไปประเทศมาเลเซียมีมูลค่า 12,424.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 410,000 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.56การส่งออกยังขยายตัวได้ 4% มีสินค้าส่งออกสำคัญเช่น ไทยส่งออกน้ำมันเป็นคู่ค้าอันดับ 2 สัดส่วน 14.19%ยางพารา เป็นคู่ค้าอันดับ 2 มีสัดส่วนการส่งออก13.35% ไก่สดแช่เย็นและแช่แข็ง เป็นอันดับ 3 สัดส่วน 3.42% สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 มีสัดส่วน 6.08% และน้ำตาลทราย เป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 สัดส่วน 6.34%และผลิตภัณฑ์เซรามิค คู่ค้าอันดับที่ 6 สัดส่วน3.98% โดยมาเลเซียยังถือเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับที่ 1 ของไทย มีมูลค่ารวม 560,655 ล้านบาท ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ไทยส่งออกมูลค่า3,778.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.56 การส่งออกยังขยายตัวได้ 5% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำตาลทราย 21.57% ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ 13.48% สิ่งทอ 4.73% และผลิตภัณฑ์เซรามิค 2.16% ,ประเทศกัมพูชาไทยส่งออกมูลค่า3,778.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่นน้ำตาลทราย 8.21% น้ำมันสำเร็จรูป 5.14% และผลิตภัณฑ์เซรามิค 2.40% ซึ่งกัมพูชาเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับที่4 มีมูลค่า 63,977 ล้านบาท  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนวโน้มส่งออกไปอาเซียนสดใส

คาดตรุษจีนเงินสะพัด 4.77 หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนว่าในปี 57 คาดว่าจะมีมูลค่าการใช่จ่าย  47,744.67 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 5.9% เนื่องจากประชาชนในหลายพื้นที่ยังมีการจัดงานกันอย่างคึกคักแม้ประเทศไทยจะประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติรวมถึงกรณีที่ราคาสินค้าหลายประเภทปรับตัวในระดับสูงทำให้มูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น   “ประชาชนส่วนใหญ่37.8% เห็นว่าตรุษจีนปีนี้คึกคักน้อยกว่าปีก่อน  ส่วน 28.7% เห็นว่าคึกคักเท่าเดิม และ 27.1%  เห็นว่าคึกคักมากขึ้น  แต่หากรวมกันระหว่างคึกคักเดิมกับคึกคักมากขึ้นมีสัดส่วน 55.8%  เพราะยังมีหลายพื้นที่เชื่อว่ามีการจัดงานอย่างคึกคักโดยเฉพาะพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองส่วนเงินที่จะมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนพบว่า 37.9% เป็นเงินจากรายได้ปกติ รองลงมาเป็น เงิน ออม36.3%  และ โบนัส 25.8% แต่ที่เป็นห่วงคือประชาชนเริ่มนำเงินออมมาจ่ายมากขึ้นแสดงให้เงินว่าประชาชนจำนวนมากอยู่ในสถานการณ์ที่รายได้ไม่ค่อยเพียงพอกับรายจ่ายจึงจำเป็นนำเงินออมมาใช้”   สำหรับกิจกรรมที่มีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบด้วยไปซื้อของไหว้เจ้า  มูลค่า 3,375บาต่อครอบครัว, ไปทำบุญ 1,791 บาท, ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 2,911 บาท, เงินแต๊ะเอีย  2,911 บาท, สังสรรค์และจัดเลี้ยง  6,944 บาท, ซื้อเสื้อผ้า 2,337 บาท, ท่องเที่ยว8,550 บาท, ไปเดินห้าง 4,111 บาท เป็นต้น   “มูลค่าการใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีนปี 57 เมื่อเทียบกับปี 56พบว่าประชาชน 44.3%ระบุว่าจะมีการให้แต๊ะเอียที่ลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีและมีรายได้น้อยลง  ส่วนการท่องเที่ยวพบว่า 36.5%จะมีการใช้เงินด้านนี้ลดลง แต่ก็จะส่วนทางกับการไปทำบุญส่วนใหญ่ที่ระบุว่า  40.1% จะเพิ่มมูลค่าใช้จ่ายด้านนี้มากขึ้นแสดงให้เห็นว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีคนส่วนใหญ่ก็จะหันมาทำบุญกันมากขึ้น”   อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบอัตราการขยายตัวพบว่ามูลค่าการใช้จ่ายเทศกาลตรุษจีนในปี 57 ขยายตัวในระดับที่ต่ำมากโดยในปี 56มีการขยายตัวถึง 12.3% ดังนั้นหากในปีนี้ไม่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเชื่อว่ามูลค่าการใช้จ่ายในปี57 จะขยายตัวในระดับ 8-10% แน่นอนเพราะจะมีเงินจากการเลือกตั้งทั้งในระบบและนอกระบบมูลค่า 50,000ล้านบาทก็จะช่วยให้การใช้จ่ายเทศกาลตรุษจีนคึกคักเพิ่มแน่    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คาดตรุษจีนเงินสะพัด 4.77 หมื่นล้าน

Page 1126 of 1552:« First« 1123 1124 1125 1126 1127 1128 1129 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file