shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

รัฐบาลจุกอก…รับจำนำข้าวล้วงเงินธกส.-ออมสินกู้หน้า

 รัฐบาลของ ’น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร“ กำลังตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากโครงการหาเสียงชิ้นโบแดง อย่าง ’โครงการรับจำนำข้าว“ แม้ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักให้ทบทวน เพราะเล็งเห็นแล้วว่าการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดตันละ 15,000 บาท มีแต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ แต่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังยืนยันเดินหน้ามาต่อเนื่องกว่า  2 ปี 4 รอบการผลิต เพราะเพียงเพื่อรักษาคะแนนเสียงไว้แม้ต้องแลกด้วยเงินภาษีของคนทั้งประเทศเป็นจำนวนมหาศาลก็ตาม  แต่ผลของการพยายามเอาใจชาวนาที่แลกด้วยเงินจำนวนมากกำลัง  “ออกฤทธิ์” เพราะจนถึงทุกวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถหาเงินมาให้ชาวนาที่นำข้าวมาจำนำในปีการผลิต 56/57 กว่า  1 แสนล้านบาท ทำให้ชาวนาเดือดร้อนอย่างหนัก ความฝัน… ความหวัง… ที่เคยมีให้รัฐบาลกลับสูญสิ้น ชาวนาต้องรวมตัวกันออกมาประท้วงเรียกร้องเงินค่าจำนำข้าวหลังจากรัฐบาลค้างจ่ายค่าข้าวมานานถึง 4 เดือนแล้ว  เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ โครงการรับจำนำข้าว ก้าวเข้าสู่ “ทางตัน” ด้วยเพราะรัฐบาลใช้เงินจำนวนมหาศาลแบบไม่คิดหน้าคิดหลังโดยเฉพาะความฝันที่จะ “ขายข้าว” ได้ท่ามกลางต้นทุนที่สูงลิ่ว กลับทำให้รัฐบาลต้อง “จุกอก” เพราะขายสู้คนอื่นไม่ได้เมื่อขายไม่ได้หรืออาจมีเหตุผลอย่างอื่นที่ทำให้ขายไม่ได้เพราะแท้ที่จริงแล้ว “ไม่มีข้าว” ก็ยังไม่มีใครตอบได้ ปัญหาเหล่านี้ได้ส่งผลให้ประเทศต้องเสียหายจากเดิมที่ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวคุณภาพที่เป็นอันดับ 1 แต่กลับกลายต้องตกอันดับไปเพราะราคาที่รับจำนำข้าวที่สูงกว่าตลาดโลกสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนาเพราะไม่มีเงินจ่าย จนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือทำให้ชาวนาต้องออกมาเรียกร้องดังที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ที่สำคัญ…ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าโครงการรับจำนำข้าว นโยบายเบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทย เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการรับจำนำ เรื่อยไปจนถึงการขายข้าวที่ไม่มีใครบอกได้ว่าการขายข้าวแบบจีทูจีนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะการขายข้าวแบบจีทูจี ที่มีสัญญามากถึง 8 ล้านตันแต่ขายไปได้จริงเป็นจำนวนเท่าใด จึงทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ได้กล่าวโทษกับอดีต รมว.พาณิชย์กับพวกรวม 15 คนและยังมีมติเอกฉันท์ให้ไต่สวน “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพราะทราบข้อเท็จจริง แต่ละเลยจนสร้างความเสียหายซึ่งอาจมีมูลความผิด กรณีละเว้นต่อหน้าที่ที่จะยุติความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว แม้จะมีข้อท้วงติงจากปัญหาและอุปสรรค แต่ละเลยไม่มีการยับยั้ง รวมถึง ระดับรัฐมนตรีระดับอธิบดี และระดับเจ้าหน้าที่ เนื่องจาก ป.ป.ช. พบว่าไม่มีการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี เพราะไม่พบการส่งออกข้าวออกนอกราชอาณาจักร แต่ใครจะผิดใครจะถูก? ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือการหาเงินมาจ่ายให้กับชาวนา ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงต้องดิ้นหาทางออก ต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดโดยล้วงลูกนำสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส. และยังหมายมั่นปั้นมือไปถึงเงินของธนาคารออมสินซึ่งเป็นเงินฝากของประชาชนและหน่วยงานราชการ มาแก้ปัญหาไปก่อน  แม้ว่า ธ.ก.ส.และธนาคารออมสินเป็นธนาคารของรัฐ ที่มีหน้าที่เป็นมือเป็นแขนให้กับรัฐบาลทุกรัฐบาลเพื่อดูแลช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั้งประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามระบบกลไกของธนาคารก็ตาม แต่ในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีถึงความไม่ถูกต้องของโครงการที่เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยกระบวนการทุจริต พนักงานของทั้ง 2 ธนาคารรวมไปถึงเจ้าของเงินจึงต้องออกมารวมตัวกันคัดค้านอย่างหนักโดยเฉพาะการนำเงินฝากของประชาชนที่ ธ.ก.ส.รับฝากไว้จำนวน 55,000 ล้านบาทรวมไปถึงการใช้เงินฝากของรัฐวิสาหกิจอีก 40,000 ล้านบาทและการกู้ยืมจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมา “ขัดตาทัพ” เพราะอย่างน้อยพรรคพวกที่ส่งเข้ามาทำหน้าที่บริหารในธนาคารทั้ง 2 แห่ง ก็สามารถตอบสนองนโยบายได้แม้ว่าล่าสุดคณะกรรมการของ ธ.ก.ส.จะยังคงยืนยันไม่ให้สภาพคล่องของธนาคารมากู้หน้ารัฐบาลก็ตาม แต่ความพยายามของรัฐบาลที่จะนำเงินจาก ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินมาโปะค่าจำนำข้าว ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นสหภาพพนักงานของธนาคารทั้ง 2 แห่งคงไม่ต้องออกมาแต่งชุดดำคัดค้านอย่างที่เห็น… เพราะทั้ง ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินเองก็มีหน้าที่ต้องดำรงสภาพคล่องของตัวเองตามกฎเกณฑ์ที่แบงก์ชาติกำหนดและที่น่าจับตายิ่งกว่า คือ หากรัฐบาลดึงเงินของทั้ง 2 ธนาคารออกมาแล้วและถ้าบรรดาเจ้าของเงินไม่พอใจมาแห่ถอนเงินออกไป ภาระหนักก็จะตกอยู่กับธนาคารทั้ง 2 แห่งเอง ที่ไม่ใช่เพียงว่าแค่สภาพคล่องลดลงเท่านั้นแต่อาจส่งผลไปถึงอันดับความน่าเชื่อถือ ที่อาจถูกปรับลดลงก็เป็นได้ เพราะเพียงแค่เงินกว่า  7 แสนล้านบาทที่รัฐบาลรับจำนำข้าวมาจากชาวนาในช่วง 2 ปีแต่ขายข้าวได้เงินแค่ 1 แสนล้านบาทเศษรัฐบาลก็สร้างภาระให้กับผู้เสียภาษีมากพอแล้วหากจะดึงดันใช้เงินจากธ.ก.ส.และออมสินอีก  ถามว่า! อนาคตของทั้ง 2 ธนาคารจะลงเอยอย่างไร?. ทีมเศรษฐกิจ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รัฐบาลจุกอก…รับจำนำข้าวล้วงเงินธกส.-ออมสินกู้หน้า

Posts related

 














สศค.ชี้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเสี่ยงถูกลดเครดิต

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ การประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นเวลา 60 วัน ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และอาจทำให้ไทยมีความเสี่ยงถูกปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือลดลงรวมถึง การท่องเที่ยวที่จะได้รับผลกระทบทันที เนื่องจากหลายประเทศได้ออกประกาศเตือนขั้นสูงสุดทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยอีกด้วย“ปัจจุบันสถานการณ์การเมืองได้กระทบการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักแทนตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวอื่นที่ยังมีปัญหา เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาไทยลดลงจากช่วงไฮซีซั่น รวมทั้ง การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจทำให้ประเทศถูกปรับลดเครดิตได้ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้แม้ว่าเป็นระดับที่ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ยังเป็นระดับที่น่าลงทุน”นอกจากนี้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯยังกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ปี 57 ถือเป็นสัญญาณเชิงลบทางเศรษฐกิจเป็นความสุ่มเสี่ยงเพราะทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่มีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ซึ่งอาจทำให้ดัชนีความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ของไทยเพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินของภาคเอกชนในการกู้เงินต่างประเทศสูงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการกู้ต่างประเทศของรัฐบาลเนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนลงมาก ทำให้ภาระการกู้เงินต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพราะต้องใช้เงินบาทมากในการไปชำระคืนหนี้ต่างประเทศ โดยกระทรวงการคลังและนักลงทุนต่างประเทศต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทยแบบวันต่อวัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศค.ชี้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเสี่ยงถูกลดเครดิต

เอกชนพับแผนลงทุนไทย

นายทวี กิจจตุรเจริญกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และประธานกรรมการบริหารบริษัทที.เคการ์เมนท์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น ธุรกิจสิ่งทอ เสื้อผ้าได้ทยอยยกเลิกขยายกิจการในไทยหลายรายแล้วเนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทอย่างต่อเนื่อง และหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทนเช่น กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนามโดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมที่ติดชายแดนไทยจะได้รับความสนใจมากเพราะเดินทางเข้า – ออกไทยสะดวกอย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้พากลุ่มนักลงทุนจากไทยประมาณ170 คน ไปดูพื้นที่การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมศรีโสภณอินดัสทรี ปาร์ค จ.ศรีโสภณประเทศกัมพูชาซึ่งบริษัทได้เข้าไปพัฒนาร่วมกับนักลงทุนกัมพูชาเพื่อรองรับการขยายการลงทุนจากไทยมีพื้นที่ประมาณ 350 ไ ร่ซึ่งนักลงทุนเป็นจำนวนมากสนใจเข้ามาลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนพับแผนลงทุนไทย

Page 1128 of 1552:« First« 1125 1126 1127 1128 1129 1130 1131 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file