เมื่อวันที่21 ม.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวภายหลังได้ชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า ได้ชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นในการขอกู้เงินเพื่อมาชำระหนี้คืนให้กับชาวนาที่นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิตปี 56/57 โดยชี้แจงถึงความล่าช้าการดำเนินโครงการมาจากหลายปัจจัย คือ ไม่สามารถดึงเงินงบประมาณประจำปี 57 มาใช้ได้เพราะมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาต้องขออนุมัติผ่านศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่รัฐบาลประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องขออนุมัติจาก กกต.ก่อน ทั้งนี้ การขอกู้เงินครั้งนี้ ไม่ใช่การก่อหนี้ก้อนใหม่ แต่เป็นการนำเงินใช้ดำเนินงานต่อเนื่องในโครงการรับจำนำข้าวที่ครม.ได้อนุมัติไปแล้วหากไม่สามารถกู้เงินมาชำระหนี้ให้กับชาวนา ก็เท่ากับเป็นการผลักภาระหนี้ไปให้รัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหารวมทั้งจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมากขึ้นเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในการปลูกข้าวฤดูกาลต่อไป จึงขอให้กกต.เห็น และมีความเมตตา รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ล่าสุดนายกิตติรัตน์ ได้เจ้ง่วาจะแถลงเรื่องของโครงการรับจำนำข้าวหลังจากที่ได้รับฟังข้อสรุปจากกกต.แล้ว ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โต้งวอนกกต.ช่วยชาวนา
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายภักดีหาญส์หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาได้รับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 57 มีแนวโน้มขยายตัว4-5% แต่ก็ขึ้นอยู่กับสมมติฐานการเบิกจ่ายเงินจากแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไม่ต่ำกว่า46,500 ล้านบาท และการเบิกจ่ายภายใต้แผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งไม่ต่ำกว่า 112,000 ล้านบาทโดยส่งผลให้การลงทุนภาครัฐในปี 57 ขยายตัวได้ 12% แต่หากการเบิกจ่ายทั้งสองโครงการไม่เกิดขึ้นในปี 57 จะส่งผลให้การลงทุนภาครัฐขยายตัว 3% และการขยายตัวของจีดีพีทั้งปี 57 จะลดลง 0.4% เหลือ 3.6-4.6% ขณะที่เศรษฐกิจในปี 56 ที่ผ่านมาคาดว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ 3.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 56 อยู่ที่2.4%และบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 0.9%ของจีดีพีทั้งนี้สศช.ยังได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.56 ให้ครม.รับทราบด้วยว่าเครื่องชี้ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญในเดือนพ.ย.56 ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ ขณะที่การท่องเที่ยวเริ่มชะตัวตามการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านสุวรรณภูมิและดอนเมืองสอดคล้องกับการแจ้งเตือนของประเทศต่างๆที่ให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุมอย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านอื่นๆยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำให้นักท่องเที่ยวรวม ณ วันที่ 22ธ.ค.56 อยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมายทั้งปีที่ 26.2 ล้านคน ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทั้งอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้สศช.ยังได้รายงานภาวการณ์คลังในเดือนพ.ย.56 ด้วยว่าการจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลและการเบิกจ่ายต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนโดยจัดเก็บรายได้สุทธิอยู่ที่365,332.1 ล้านบาทต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 9,204.5 ล้านบาทหรือคิดเป็น 5.3% เนื่องมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลดลง 47.3% ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มลดลง 7.3% ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนพ.ย.56 นั้นลดลงต่อเนื่องจากเดือนต.ค.56 โดยมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น232,659.2 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.3% หรือคิดเป็น 9.2%ของวงเงินงบประมาณ ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีอัตราเบิกจ่ายอยู่ที่ 11.3% โดยมีวงเงินเบิกจ่ายเพื่อการลงทุนอยู่ที่ 4,716.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 90% 
นายสมรรถ พุ่มอ่อนผู้อำนวยการฝ่ายบริหารภาวะฉุกเฉินและวิกฤติ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ และการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของรัฐบาลจีนส่งผลให้ยอดการจองตั๋วล่วงหน้าของการบินไทยในขณะนี้ลดลงแล้วเกือบ 10% และผู้โดยสารขาเข้าปรับลดลงไป20% โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางน้อยลงส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะชาวจีนที่เจอปัญหา2 เรื่อง ทั้งการหวั่นวิตกต่อปัญหาการเมือง และรัฐบาลจีนเข้มงวดปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนสถิติการยกเลิกเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 13ม.ค.จนถึงล่าสุดพบว่ามีจำนวนน้อยมากโดยมีการยกเลิกเที่ยวบินมากที่สุดวันที่ 14 ม.ค.รวม 6เที่ยวบินเท่านั้น สำหรับสาเหตุของการยกเลิกเที่ยวบินจากการวิเคราะห์พบว่าเกิดจาก 2 สาเหตุคือปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในไทยและการเร่งปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของประเทศจีน “การชุมนุมฯ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนักเพราะเมื่อดูสถิติการยกเลิกเที่ยวบินของบริษัทจะเห็นว่ายกเลิกเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกของการปิดกรุงเทพ และมีไม่มากนัก โดยวันที่13 ม.ค.ซึ่งเป็นวันแรกที่ม็อบปิดกรุงมียกเลิกเพียง 2เที่ยวบิน วันที่ 14 ม.ค. 6เที่ยวบิน วันที่ 15ม.ค. 6เที่ยวบิน และหลังจากวันที่ 18ม.ค.ที่ผ่านมาไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินเลยขณะที่อัตราการขาดงานของพนักงานก็ยังอยู่ในระดับปกติไม่มีนัยเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด” นายสมรรถ กล่าวต่อถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัทว่าจากการประเมินผลกระทบจากการชุมนุมภาพรวม ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีภาวะความเสี่ยงหรือวิกฤติในการให้บริการ เนื่องจากสถิติปัญหาเที่ยวบินล่าช้า การยกเลิกเที่ยวบิน และความสะดวกในการเดินทางเข้าและออกสนามบินยังไม่ได้มีปัญหาอุปสรรคปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม บริษัทจำเป็นต้องเฝ้าตรวจสอบระวังสถานการการชุมนุมอย่างใกล้ชิดทุก ๆ วันโดยล่าสุดนายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการบริหารภาวะวิกฤติจากสถานการการชุมนุมขึ้น โดยมอบหมายให้นายปานฑิต ชนะภัยกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจการบริการภาคพื้น เป็นประธานคณะทำงาน ทำหน้าที่ประชุมหารือ รวบรวมข้อมูลและสถานการการชุมนุมเพื่อสนับสนุนให้ฝ่ายบริหารใช้ตัดสินใจสั่งการ แก้ปัญหาหากเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้นจริง 
