รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยถึงการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่28ธ.ค.56-1ม.ค.57 ว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศคึกคักมากโดยเฉพาะภาคเหนือ ที่ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศไทยที่หนาวเย็นมีอุณหภูมิลดลงมากกว่าปีที่ผ่านๆมา ทำให้คนไทยอยากเดินทางไปสัมผัสความหนาวในแหล่งท่องเที่ยวทางภาคเหนือ โดยททท.คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว เดินทางถึง 690,266 คน อัตราจองห้องพัก 72% ทำรายได้ประมาณ 2,108 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ทั้งนี้อัตราการจองห้องพักที่มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ น่าน และ ลำปาง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 90%ขึ้นไป ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่สร้างรายได้สูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำปาง ลำพูน สุโขทัย ที่เฉลี่ยทำรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการททท. สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยากเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่มากเป็นพิเศษเนื่องจาก มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแบบ ทั้งที่แบบภูเขาสูงและพื้นราบที่มีดอกไม้สวยงาม รวมถึงปีนี้คนไทยต้องการหลีกเลี่ยงเส้นทางในกรุงเทพที่กำลังมีเหตุการณ์การชุมนุมจึงพร้อมใจกันเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือแทน โดยแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ยังคงเป็นส่วนแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิเช่น ดอยอินทนนท์ อ่างขาง ม่อนแจ่ม ห้วยน้ำดัง เป็นต้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ภาคเหนือครองแชมป์คนไทยเที่ยวมากสุด
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงคาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมในปี 2556 และแนวโน้มในปี 2557 ว่า สศอ. ได้คาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมในปี 2556 จีดีพี อุตสาหกรรม ขยายตัว 0.2% และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) -3% ส่วนในปี 2557 คาดว่าจีดีพีอุตสาหกรรมจะขยายตัวอยู่ในช่วง 3-4% และ เอ็มพีไอ ขยายตัว 2% “ปัจจัยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในปี 2557 ได้แก่ การทยอยปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจประเทศคูู่ค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวดี และการดำเนินการตามแผนการลงทุนของภาครัฐ รวมทั้งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ก็คือ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังมีข้อจำกัด เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญในตลาดโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ภาครัฐเบิกจ่ายเงินต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนให้ล่าช้าออกไป และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยผ่านจุดต่ำสุดในแล้ว” ขณะที่เอ็มพีไอ เดือนพฤศจิกายน -10.6% มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 63.14% โดยภาพรวมสิ้นสุด 11 เดือนของปี 2556 เอ็มพีไอ -2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64.77% เป็นผลมาจากการลดลงของการผลิตรถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง สำหรับ ภาวะการผลิตรายอุตสาหกรรม ที่สำคัญ 5 กลุ่ม ได้ แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยการผลิตรถยนต์ 11 ที่ผ่านมาของปี 2556 ขยายตัว 4.09% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการส่งออกขยายตัวไปประเทศแถบโอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 10.13% แต่การจำหน่ายในประเทศลดลง 5.36% ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2557 คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 2.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3.75% แบ่งเป็นการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศประมาณ 1.3 ล้านคัน ลดลง 0.69% และการส่งออกรถยนต์ประมาณ 1.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 15.97% อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาพรวม 11 เดือนแรกปี 2556 มีการผลิตลดลง 6.05% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง 6.71% จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน๊ตบุ๊คลดลงอย่างมาก ด้านอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลง 3.05% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มี การปรับตัวลดลง ส่วนแนวโน้มปี 2557 ในภาพรวมคาดว่าการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1-3% อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ปริมาณความต้องการบริโภคเหล็กของไทย 11 เดือนของปี 2556 ขยายตัว 5.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การผลิตชะลอตัวลงเล็กน้อย 1.96% โดยเป็นผลมาจากตลาดเหล็กในประเทศช่วงครึ่งหลังของปี 2556 มีทิศทางที่ทรงตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์ ส่วนในปี 2557 คาดการณ์ว่าแนวโน้มระดับความต้องการใช้เหล็กของไทย จะเผชิญกับความผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจมหภาคของประเทศสถานการณ์ทางการเมือง และแนวโน้มตลาดในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้เหล็ก อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ภาพรวม 11 เดือนของปี 2556 ขยายตัวได้ดีทั้งการผลิต การจำหน่ายในประเทศ และการส่งออก ส่งผลให้การนำเข้าเส้นใยสิ่งทอฯ ปรับลดลง สำหรับในกลุ่มผ้าผืน ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าผ้าผืนราคาถูกจากจีน และในกลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนแนวโน้มปี 2557 คาดว่าจะขยายตัวได้ในส่วนของการผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ และผ้าผืน เพื่อสนองความต้องการโดยเฉพาะผู้ผลิตในอาเซียน และญี่ปุ่น ส่วนเสื้อผ้าสำเร็จรูป การผลิตจะขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2556 อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตอุตสาหกรรมอาหารของปี 2556 คาดว่าปรับตัวลดลงจากปีก่อน 0.1% ส่วนการส่งออกในภาพรวมลดลง 6.2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการระบาดของโรคกุ้ง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ส่วนแนวโน้มปี 2557 คาดว่า ในภาพรวมการผลิตจะขยายตัวประมาณ 1-2% 
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลปีใหม่ ในวันที่ 27 ธ.ค.56 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเริ่มเดินทาง เต็มไปด้วยความคึกคักใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยมีประชาชนทยอยเดินทางใช้บริการรถโดยสารรถสาธารณะ บขส. รถไฟ และเครื่องบินเพื่อกลับภูมิเนาและท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วงบ่ายและตลอดทั้งวันจะมีผู้โดยสารใช้บริการไม่ต่ำกว่า 3.5แสนคน โดยเฉพาะตามสถานีขนส่งหมอชิต สถานีขนส่งสายใต้ สถานีรถไฟหัวลำโพง ที่มีประชาชนมาทยอยใช้บริการตั้งแต่บ่าย จนเริ่มแน่นขนัดในช่วงค่ำถึงดึก นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า รฟท.ได้เตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลปีใหม่ในวันแรกอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางกลับประมาณ 120,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณผู้โดยสารที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ รฟท.ได้เตรียมขบวนรถไฟรองรับอย่างเพียงพอ โดยเพิ่มขบวนรถพิเศษอีก 27 ขบวนเพื่อช่วยรองรับผู้โดยสาร คาดว่าจะรองรับได้หมด ไม่มีผู้โดยสารตกค้างแน่ แต่หากมีผู้โดยสารจำนวนมาก รฟท. ก็พิจารณาเพิ่มขบวนรถแบบวันต่อวัน นอกจากนี้ รฟท.ได้เตรียมความพร้อมในส่วนของพนักงาน หัวรถจักร รถลากจูง และอุปกรณ์อย่างเต็มที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหัวรถจักร ตรวจสอบระบบราง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนตลอดเวลา ขณะที่การดูแลเรื่องความปลอดภัยได้กำชับให้ตำรวจรถไฟตรวจสอบตราสิ่งผิดปกติ และความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมกับขอความร่วมมือผู้โดยสารให้งดดื่มแอลกอฮอล์ในโบกี้รถไฟ และขอให้ร้านค้าประจำสถานีรถไฟทุกที่งดจำหน่ายแอลกอฮอล์ด้วย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ในวันที่ 27 ธ.ค. 56 คาดจะมีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนามากที่สุด ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ซึ่ง บขส. ได้เพิ่มเที่ยววิ่งรถเสริมจากปกติเป็นวันละประมาณ 7,600 เที่ยว สามารถรองรับประชาชนได้ถึง 250,000 คนต่อวัน จึงมั่นใจว่าไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้างแน่นอน นอกจากนี้ บขส. ยังมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยทั้ง สถานี พนักงาน และรถโดยสาร โดยมีการตรวจสภาพร่างกายพนักงานขับรถต้องปราศจากแอลกอฮอล์ และตัวรถต้องมีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน มีการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจตราบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากแกงค์มิจฉาชีพด้วย นายพินิจ คำปู่ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 ธ.ค.เริ่มมีประชาชนเดินทางเข้าใช้บริการรถโดยสารที่สถานีขนส่งต่างๆของ บขส.อย่างต่อเนื่อง และมีมากขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายต่อเนื่อง และในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานได้มีประชาชนเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปกติแบบนี้ทุกปี แต่ภายหลังวันที่ 27 ธ.ค.แล้ว จำนวนผู้โดยสารจะเริ่มเบาบางลง จึงมั่นใจว่ารถที่เตรียมไว้จะเพียงพอกับความต้องการของประชาชน สำหรับยอดจองตั๋วรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ถูกจองเต็มหมดแล้ว ส่วนรถปรับอากศชั้น 2 และอื่นๆยังเหลือให้บริการ และอยู่ระหว่างพิจารณาจะเพิ่มเที่ยววิ่งรถปรับอากาศชั้น 1 เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ที่ยังไม่มีตั๋วโดยสารสามารถใช้บริการแบบวันต่อวันได้ด้วย ด้านพล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รักษาการ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ได้เพิ่มจำนวนรถ เที่ยววิ่ง และการเปลี่ยนกะพนักงานประจำรถ ทั้งกะเช้า กะบ่าย และกะสว่าง 108 เส้นทาง ในระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.56-2 ม.ค.57 ขณะเดียวกันยังจัดรถเฉพาะกิจชัตเติล บัส เอให้บริการฟรี ตั้งแต่ป้ายจตุจักร-รถไฟฟ้าบีทีเอส-อู่หมอชิต 2 ระหว่างวันที่ 28-29 ธันวาคม เวลา 16.00-22.00 น. และวันที่ 1-2 มกราคม เวลา 05.00-06.30 น.ขณะเดียวกันในคืนวันที่ 31 ธ.ค. ขสมก.จะขยายเวลาเดินรถจากปกติเป็น 02.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค.2557 และ นอกจากนี้ยังจัดเดินรถแอร์พอร์ต บัส เชื่อมต่อท่าอากาศยานดอนเมือง สายเอ 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จตุจักร และจัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่ง 4 สถานี อีก 35 เส้นทาง วิ่งผ่านสถานีขนส่งจตุจักร สถานีขนส่งสายใต้ สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีรถไฟหัวลำโพง นอกจากนี้ยังจัดเดินรถสนับสนุนการให้บริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) วิ่งให้บริการระยะสั้น 2 เส้นทาง กรุงเทพฯ-อยุธยา และเส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.56 -2 ม.ค.57 ด้านนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ยอดการเดินทางโดยเครื่องบินช่วงปีใหม่ ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงปีใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปกติเพียง 4% โดยตั้งแต่วัน 25 ธ.ค.56 เป็นต้นมา มีชาวไทยและต่างชาติมาใช้บริการมากกว่าวันละ 1.5 แสนคน โดยในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 80% และชาวไทย 20% เนื่องจากตอนนี้ยอดเที่ยวบินเช่าเหมาลำมาขอใช้บริการมากขึ้นมากกว่า 500 เที่ยวบิน ว่าที่ เรืออากาศโท จตุรงคพล สดมณี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.56-5 ม.ค.57 มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นจากปกติวันละ 48,000 คน เป็น 50,000 คน โดยเที่ยวบินปกติเต็มทุกที่นั่ง ส่วนเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากทั้งในและต่างประเทศลดลงประมาณ 30% เหลือประมาณ 126 เที่ยวบิน น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 200 เที่ยวบิน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดทัวร์ศูนย์เหรียญของจีน และปัญหาการเมืองในประเทศ 
