shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ปรับระบบจ่ายเงินมอเตอร์เวย์

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถอำนวยความสะดวกและปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่2557และโครงการเดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวงว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.57 เป็นต้นไป กรมทางหลวง จะนำระบบจัดเก็บงินค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบระบบปิดมาทดลองใช้กับทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองหมายเลข7 กรุงเทพ-ชลบุรี  โดยเป็นระบบที่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องรับบัตรบริเวณด่านขาเข้าและคืนบัตรพร้อมจ่ายเงินที่ด่านขาออก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณหน้าด่านทางออกได้ จึงขอแจ้งผู้ใช้ทางมาล่วงหน้าด้วย “ระบบปิดเป็นระบบที่ดีเพราะจะเก็บค่าผ่านทางตามระยะทางจริง เป็นธรรมต่อผู้ใช้ทางมากขึ้น แต่ช่วงแรกยอมรับว่าอาจต้องมีปัญหารถติดสะสมทางออกแน่นอน ทำให้รถที่รอจ่ายเงินล้นออกมาติดยาว จนส่งผลกระทบมายังถนนสายหลัก ดังนั้นวันที่4 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่ทดลองใช้ ผู้บริหารกรมทางหลวงจะต้องไปยืนเฝ้าที่หน้าด่านอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลไม่ให้เกิดปัญหา และอาจจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนช่องทางออกให้เพียงพอกับจำนวนรถที่มารอจ่ายเงิน รวมทั้งต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ให้ทั่วถึงว่าจะมีการปรับระบบการเก็บค่าผ่านทางใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายบนทางพิเศษ”  ส่วนการนำระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติซึ่งเป็นระบบเดียวกับอีซี่พาสของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)มาใช้กับทางพิเศษนั้น ขณะนี้วางระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างหารือรายละเอียดระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางอยู่ ด้านนายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ  อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ช่วงทดลองระบบปิด กรมทางหลวงจะเก็บค่าผ่านทางในอัตราเดิมไปก่อน เนื่องจากจะต้องกลับไปการแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อปรับแก้และประกาศอัตราค่าผ่านทางใหม่  โดยคาดว่าจะสามารถออกประกาศและบังคับใช้อัตราค่าผ่านทางใหม่ได้ภายในเดือนเม.ย.57 ส่วนการเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ภายในปี 57 แน่นอน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปรับระบบจ่ายเงินมอเตอร์เวย์

Posts related

 














ดีเซลจ่อขยับม.ค.ปีหน้าลิตรละ10บาท

นายสมชาย พูลสวัสดิ์  อธิบดีกรมสรรพสามิต  เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.นี้ในอัตราลิตรละ0.005บาทว่า ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.พิจารณาว่ารัฐบาลรักษาการสามารถต่ออายุภาษีได้หรือไม่  ซึ่งหากไม่อนุมัติให้ดำเนินการใด ๆ ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณา เพราะหากไม่ต่ออายุมาตรการออกไปอีกจะทำให้ภาษีดีเซลในเดือนม.ค.ปี57 จัดเก็บในอัตราปกติที่ลิตรละ 10 บาท  อย่างไรก็ตามการลดภาษีน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมาทำให้รายได้หายไปเดือนละ 10,000 ล้านบาท“มาตรการนี้ไม่ใช่มาตรการใหม่ได้ดำเนินการตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนจนถึงรัฐบาลปัจจุบันเพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพในช่วงราคาน้ำมันแพง และประเมินว่าหากปีหน้าไม่ได้ขึ้นภาษีดีเซล  ผลการจัดเก็บรายได้ในไตรมาส  1/57 ยังได้ตามเป้าเพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่การท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวดีขึ้นขณะที่การบริโภคสุราเริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และทั้งปีคาดว่าจัดเก็บภาษีจะอยู่ที่ 460,000ล้านบาท  โดยเจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวดปราบปรามและจับกุมสินค้าเถื่อน ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตได้ศึกษาเบื้องต้นแล้วแต่ต้องรอนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ก่อน”สำหรับผลการจัดเก็บในเดือนต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมาเก็บได้จริง  71,631 ล้านบาท มากกว่าประมาณที่ตั้งไว้ 959ล้านบาท  โดยภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น เช่น  ภาษีเบียร์มีมูลค่า 15,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3,309 ล้านบาท เพิ่มข้น 26.88%และภาษีสุรา 14,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,189 ล้านบาท หรือ 53.44% ส่วนภาษีที่จัดเก็บลดลง เช่น ภาษีรถยนต์เก็บรายได้ 17,579 ล้านบาท  ลดลง 5,764 ล้านบาท ภาษีน้ำมัน 10,218 ล้านบาทลดลง 5,097 ล้านบาท หรือ 33.28% ภาษียาสูบ 9,289 ล้านบาทลดลง1,150 ล้านบาท หรือ 11% ภาษีเครื่องดื่ม  2,687 ล้านบาท ลดลง 228 ล้านบาท หรือ 7.8%  ส่วนความคืบหน้าโครงการรถยนต์คันแรกนั้น มีผู้จองสิทธิ์จำนวน1.25 ล้านคัน  คิดเป็นเงิน 92,174  ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการรถยนต์ได้ส่งมอบรถยนต์ให้ผู้ได้รับสิทธิ์ไปแล้ว1.12 ล้านคัน และที่ยังไม่ได้ส่งมอบประมาณ  126,000 คัน   โดยในปี57 ตั้งงบประมาณรองรับไว้จำนวน 40,000 ล้านบาทและในปี 58 น่าจะคืนเงินได้หมด นอกจากนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายประสานไปยังค่ายรถยนต์ว่าหากมีรถยนต์พร้อมส่งมอบแล้วประชาชนไม่มารับรถยนต์ภายใน 30 วันถือว่าสละสิทธิ์                  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดีเซลจ่อขยับม.ค.ปีหน้าลิตรละ10บาท

“ไนท์แฟรงค์” ยันปีหน้าไม่มีสัญญาณสภาวะฟองสบู่

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 57 ประเมินว่ายังไม่มีสัญญาณสภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในพื้นที่ศูนย์กลางย่านธุรกิจบริเวณพลินจิต สาทร เพราะที่ดินหายาก และมีที่ดินเหลือไม่กี่แปลง สำหรับการพัฒนาให้เป็นอาคารสูง ทำให้ที่ดินที่เหลืออยู่มีราคาแพงมาก คอนโดฯ เหล่านี้จึงมีทั้งคุณภาพและราคาสูง ส่งผลให้มีความต้องการซื้อสูง โดยเฉพาะการซื้อเพื่อการลงทุน เช่นเดียวกับคอนโด ย่านสุขุมวิทซอย 3 – 69 และพระโขนง ซอย 3- 55 ขนาด 1-2 ห้องนอน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่า 5-6% ขณะที่คอนโดเขตชานเมือง ลาดพร้าว รัชดา และพระราม 9 ยังมีศักยภาพสูง เพราะมีระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที อีกทั้งยังมีที่ดินเหลืออยู่ในราคาไม่สูงนัก จึงทำให้อาจจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ได้อีกพอสมควร ขณะที่ตลาดคอนโดที่แล้วเสร็จก่อนหน้านี้ (รีเซล) รัศมี 200 เมตรจากรถไฟฟ้าด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนคอนโดฯ รอบนอกนั้น แนะนำว่า ผู้ประกอบการต้องตระหนักถึงคุณภาพ (เกรด) ของคอนโดฯ เพราะผู้ที่จะซื้อคอนโดฯรอบนอกนั้น จะดูที่ราคาเป็นหลัก จึงอาจทำให้ผู้พัฒนามีแนวโน้มสร้างคอนโดให้มีขนาดยูนิตเล็กลงและราคาต่ำลงด้วย “อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบตลาดคอนโดระดับพรีเมียมของกทม. กับตลาดของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกแล้ว ถือว่า ไทยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในหลาย ๆ เมือง เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ได้ ด้วยคุณภาพและคุณสมบัติที่เทียบกันได้ แต่ราคาต่ำกว่า ซึ่งผู้ซื้อชาวต่างชาติจะให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากฮ่องกง ลอนดอน ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดียและรัสเซีย โดยในส่วนของบริษัทมีแผนที่จะขยายงานนิทรรศการต่าง ๆ ในปีหน้าเพิ่มเติม เพื่อนำคอนโดฯในกทม.ไปขยายตลาดสู่นักลงทุนและผู้ซื้อต่างชาติ ที่กัวลาลัมเปอร์ เซี่ยงไฮ้ หลังจากประสบความสำเร็จจากตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกงมาแล้ว”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ไนท์แฟรงค์” ยันปีหน้าไม่มีสัญญาณสภาวะฟองสบู่

Page 1255 of 1552:« First« 1252 1253 1254 1255 1256 1257 1258 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file